วันพุธที่ 28 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เขาถามว่าทำไมวะฮบีไม่เอาทัศนะอัลกุรฏุบีย์เป็นหลักฐาน


ในภาพอาจจะมี 1 คน



เขาถามว่าทำไมวะฮบีไม่เอาทัศนะอัลกุรฏุบีย์เป็นหลักฐานอ่านอัลกุรอ่านโอนบุญให้คนตาย
Matty Ibnufatim Hamady
ติดตาม · 6 กุมภาพันธ์ ·
..
ท่าน อีหม่าม อัลกุรตุบีย์ อุลามะในมัศฮับมาลีกีย์ กล่าวในตำราของท่าน ว่า ผลบุญการอ่านอัลกุรอ่าน นั่นถึงคนตาย
ทำไมวะห์ฮะบีย์ ไม่ยกหลักฐานนี้ ให้ลูกหาบได้รู้
@@@@@@
ชี้แจง
สาเหตุที่ไม่มีการนำทัศนะของอิหม่ามอัลกุรฏุบีย์มาเป็นหลักฐาน เพราะมันแค่ความเห็น ที่อ้างหลักฐานหะดิษเฎาะอีฟ และหะดิษปลอม เช่น
ในหนังสือ อัตตัซกิเราะฮ เล่ม 1 หน้า 276 ระบุหะดิษที่ว่า
รายงานจากอาลี บิน อบีฏอลิบ ว่า
مَنْ مَرَّ عَلَى الْمَقَابِرِ وَقَرَأَ قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ إِحْدَى عَشْرَةَ مَرَّةً ، ثُمَّ وَهْبَ أَجْرَهُ لِلأَمْوَاتِ أُعْطِيَ مِنَ الأَجْرِ بِعَدَدِ الأَمْوَاتِ " .
ผู้ใดผ่านบรรดาสุสาน และเขาอ่าน "กุลฮุวัลลอฮุอะหัด" 11 ครั้ง หลังจากนั้น เขาอุทิศผลตอบแทนของมัน แก่บรรดาผู้ตาย เขาก็จะได้รับผลตอบแทน เท่ากับจำนวนของผู้ตาย
.........
หะดิษข้างต้นเป็นหะดิษเมาฎัวะ (หะดิษปลอม) - ดูอะหกามุลญะนาอิซ ฯ ของอัลบานีย์ หน้า 193
ใน ฟัฎลุซูเราะฮอัลอิคลาศ ของ อัลค็อลลาล หะดิษหมายเลข 53 ผู้รายงานคนหนึ่งชื่อ อับดุลลอฮ บิน อะหมัด อัฏฏออีย์ ถูกกล่าวหาว่าปลอมหะดิษ
حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ بْنِ شَاذَانَ ، ثنا عَبْدُ اللَّهِ بْنُ عَامِرٍ الطَّائِيُّ ، حَدَّثَنِي أَبِي ، ثنا عَلِيُّ بْنُ مُوسَى ، عَنْ أَبِيهِ ، مُوسَى ، عَنْ أَبِيهِ ، جَعْفَرٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، مُحَمَّدٍ ، عَنْ أَبِيهِ ، عَلِيٍّ ، عَنْ أَبِيهِ الْحُسَيْنِ ، عَنْ أَبِيهِ عَلِيِّ بْنِ أَبِي طَالِبٍ ، قَالَ : قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : " مَنْ مَرَّ عَلَى الْمَقَابِرِ وَقَرَأَ قُلْ هُوَ اللَّهُ أَحَدٌ إِحْدَى عَشْرَةَ مَرَّةً ، ثُمَّ وَهْبَ أَجْرَهُ لِلأَمْوَاتِ أُعْطِيَ مِنَ الأَجْرِ بِعَدَدِ الأَمْوَاتِ "
(1) حسين بن علي
| (2) حسين بن علي
| | (3) علي بن حسين
| | | (4) محمد بن علي
| | | | (5) جعفر بن محمد
| | | | | (6) موسى بن جعفر
| | | | | | (7) علي بن موسى
| | | | | | | (8) عبد الله بن أحمد
| | | | | | | | (9) أحمد بن إبراهيم
| | | | | | | | | (10) حسن بن محمد
| | | | | | | | | | (11) الكتاب: فضائل سورة
الإخلاص للخلال [الحكم: إسناد فيه متهم بالوضع وهو عبد الله بن أحمد الطائي]
เพราะฉะนั้น คนฉลาดคือคนที่ไม่เอาของปลอมมาเป็นหลักฐานครับคุณ Matty Ibnufatim Hamady
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/2/61

เอกสารอ้างอิง



เมื่ออาชาอิเราะฮหมดวิชาก็คว้าของเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน


ในภาพอาจจะมี ข้อความ



เมื่ออาชาอิเราะฮหมดวิชาก็คว้าของเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐาน
Amaluddeen Abdulqodir 
อยู่กับ อะหมัดรอชีดี อุษมาน อิสมัญ อัลอัชอะรีย์ และอีก 20 คน
6 พฤษภาคม 2017 • กรุงเทพมหานคร, Bangkok Metropolis
วาฮาบี ที่ไม่ตามมัซฮัม อีหม่ามซาฟีอี(ร.ฮ)ควรอ่านน่ะครับ อูลามาอุวาฮาบีคนแรก จนถึงคนสุดท้าย อาเล่มไม่เท่ากับ ท่านอีหม่าม ซาฟีอี(ร.ฮ)หรอกครับ
ท่านอีหม่าม อัช-ชาฟีอีย์ ถือกำเนิด ในปี ฮ.ศ. ที่ 150 (ค.ศ. 767) ณ เมือง ฆอซซะฮฺ (กาซ่า,ปาเลสไตน์ในปัจุบัน) โดยที่ท่านกำพร้าบิดา ตั้งแต่อยู่ ในครรภ์ของมารดา
ท่านศาสดา ซอลลัลลอฮูอาลัยฮีวาซัลลัม ได้กล่าวไว้ว่า
لا تَسُبُّوا قُرَيشاً فإنَّ عَالِمَهَا يَمْلأُ طِبَاقَ الأرضِ عِلماً
ความว่า
“ ท่านทั้งหลายอย่าได้ตำหนิ ชาวกุเรชเลย เพราะแท้จริงแล้ว..ปราชญ์คนหนึ่งจากเผ่ากุเรช นี้ แหละ ที่ความรู้ของเขานั้น จะล้นหลามทั่วผืนแผ่นดินนี้ ”
(รายงาน โดยท่าน อีหม่าม บัยฮากีย์ ใน “อัล-มานากิบ ชาฟีอีย์” และท่าน อาบูนาอีม ได้รายงานไว้ใน “ อัล-ฮิลยะฮ์ฯ ,มุสนัด อาบีดาวุดฯ”)
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้น นาย อานัส ชูชื่น ไปแชร์ข้อมูลของนาย Amaluddeen Abdulqodir มาเผยแพร่ ซึ่งเป็นหลักฐานเฎาะอีฟ มา แอบอ้างนบี ศอ็ลฯเพื่อสนับสนุนมัซฮับชาฟิอีที่ตนสังกัด แบบลืมหูลืมตา
สายรายงานหะดิษคือ
1522- حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَبْدِ اللَّهِ، حَدَّثَنَا جَعْفَرُ بْنُ سُلَيْمَانَ عَنِ النَّضْرِ بْنِ حُمَيْدٍ عَنِ الْجَارُودِ عَنْ أَبِي الأَحْوَصِ عَنْ عَبْدِ اللَّهِ بْنِ مَسْعُودٍ قَالَ وَكَانَ ابْنُ مَسْعُودٍ يَرْفَعُ الْحَدِيثَ قَالَ: «لا تَسُبُّوا قُرَيْشًا فَإِنَّ عِلْمَ عَالِمِهَا يَمْلأُ الأَرْضَ عِلْمًا
มีการวิจารณ์หะดิษข้างต้นดังนี้
النضر بن حميد، قال أبو حاتم: متروك الحديث ، وقال البخاري: منكر الحديث.
และหะดิษนี้สายรายงานอ่อน 
(ผู้รายงานชื่อ)อัลนัฎรุ บิน หุมัยดฺ ,อบูหะติม กล่าวว่า "มัตรูกุลหะดิษ และบุคอรี กล่าวว่า "มุงกะรุลหะดิษ - ดู ลิซานุลมีซาน 8/272
إسناده ضعيف فيه النضر بن حميد قال أبو حاتم متروك الحديث
สายรายงานของมันเฎาะอีฟ ในสายรายงาน มีผู้รายงานชื่อ อันนัฎรุ บินหุมัยดฺ ,อบูหาติม ได้กล่าวว่า “มัตรูกุลหะดิษ” –อัสสุนนะฮ ลิอบีอาศิม เล่ม 2 หน้า 1006 และ อัฎฎุอะฟาอฺวัลมัตรูกีน ของ อิบนุลเญาซีย์ 3/106
.............
จากคำวิจารณ์ผู้รายงานหะดิษข้างต้น แสดงให้เหเป็นหะดิษที่นำมาเป็นหลักฐานไม่ได้
คำว่า “ มุงกะรุลหะดิษ” แปลว่า หะดิษถูกทอดทิ้ง
ในทางวิชาการหมายถึงหะดิษที่ในสายรายงานมีผู้รายงานคนหนึงถูกกล่าวหาว่าโกหก
มันเป็นเรื่องปกติของอาชาอิเราะฮสายแนวคิดอะฮลุลกาลาม มักจะเอาหะดิษปลอม หะดิษเฎาะอีฟมาอ้าง หลอกคนอาวาม เพราะคนอาวามไม่สามารถตรวจสอบได้ จึงถูกหลอกเสมอมา
อนึ่ง การที่อาชาอิเราะฮสร้างคนขึ้นมาตอบโต้ด้วยวิธีการปั้นเรื่องเท็จใส่ร้าย ทำลายคนที่เปิดโปงข้อเท็จจริงนั้น มันไม่ได้ทำลายคนที่เปิดโปงแต่มันจะย้อนกลับไปทำลายกลุ่มอาชาอิเราะฮเอง โดยเฉพาะแกนนำที่สร้างข้อมูลให้ศิษย์เผยแพร่
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/2/61

เอกสารอ้างอิง




 

ตัวอย่างการใช้ตรรกบิดเบือนเป้าหมายของอัลกุรอ่าน





ตัวอย่างการใช้ตรรกบิดเบือนเป้าหมายของอัลกุรอ่าน
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ผู้ดูแลกลุ่ม
ในบทอาลิอิมรอน​อัลเลาะห์​บอกว่า
"แท้จริง​ในการสร้างฟ้าและแผ่นดิน​ และ​การ​สลับสับเปลี่ยน​ของกลางคืนและกลางวัน​ ต่างๆเหล่านี้​ล้วนเป็น​สัญลักษณ์​ของการมี​อยู่จริง​ของอัลเลาะห์สำหรับผู้มีสติปัญญา​"
.
ในขณะที่​อัลเลาะ​ห์สั่งให้มนุษย์​ใช้ปัญญา
แต่วะฮาบีย์​กลับมากระเเนะกระเเหนผู้​ใช้ปัญญา
.
ความคิด​ความอ่านของคนพวกนี้​มันช่างสวนทางกับวะฮีย์จริงๆ
@@@@
ชี้แจง
นาย อานัส ชูชืน กำลังบิดเบือนเจตนารมณ์ของอัลกุรอ่าน อ้างว่า อายะฮอัลกุรอ่านต่อไปนี้ ใช้ให้ใช้สติปัญญา เพื่อบิดเบือนว่า สามารถนำเหตุผลตรรกทางปัญญามาตีความคุณลักษณะของอัลลอฮ ให้กินกับปัญญาได้ 
ผู้อ่านมาดูอายะฮอัลกุรอ่าน ที่นายอานัส ชูชื่นหมกเม็ดตัวบทดังนี้
إِنَّ فِي خَلْقِ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ وَاخْتِلَافِ اللَّيْلِ وَالنَّهَارِ لَآيَاتٍ لِّأُولِي الْأَلْبَابِ
แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน และการที่กลางวันและกลางคืนตามหลังกันนั้น แน่นอนมีหลายสัญญาณสำหรับผู้มีปัญญา- อาล อิมรอน /190
.........
อายะฮข้างต้น สอนให้ใช้ปัญญาพิจารณา ในสิ่งที่อัลลอฮสร้าง เพื่อจะได้เห็นถึงความยิ่งใหญ่และความปรีชาสามารถของอัลลอฮ ไม่ใช่ ใช้ให้เอาตรรกทางปัญญา มาใช้พิจารณาตีความคุณลักษณะของอัลลอฮ อย่างที่นายอานัส ชูชื่นหรือ นายอับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ผู้ดูแลกลุ่ม ต้องการจะสือเพื่อหาความชอบธรรมในการตีความสิฟาต(คุณลักษณะ)ของอัลลอฮแต่อย่างใด
มาดูคำอธิบายของอิหม่ามอัลกุฏุบีย์(ร.ฮ)ได้อธิบายไว้ว่า
قَوْلُهُ تَعَالَى : إِنَّ فِي خَلْقِ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ تَقَدَّمَ مَعْنَى هَذِهِ الْآيَةِ فِي " الْبَقَرَةِ " فِي غَيْرِ مَوْضِعٍ . فَخَتَمَ تَعَالَى هَذِهِ السُّورَةَ بِالْأَمْرِ بِالنَّظَرِ وَالِاسْتِدْلَالِ فِي آيَاتِهِ ; إِذْ لَا تَصْدُرُ إِلَّا عَنْ حَيٍّ قَيُّومٍ قَدِيرٍ وَقُدُّوسٍ سَلَامٍ غَنِيٍّ عَنِ الْعَالَمِينَ ، حَتَّى يَكُونَ إِيمَانُهُمْ مُسْتَنِدًا إِلَى الْيَقِينِ لَا إِلَى التَّقْلِيدِ
คำตรัสของพระองค์ที่ว่า "แท้จริงในการสร้างบรรดาชั้นฟ้าและแผ่นดิน " ความหมายของอายะฮนี้ ได้กล่าวมาก่อนหน้านี้แล้ว ในซูเราะฮอัลบะเกาะเราะฮ ในหลายที่ อัลลอฮตาอาลาได้ วางซูเราะฮนี้ ด้วยการสั่งให้ พิจารณา และ การนำหลักฐานมายืนยัน(ข้อเท็จจริง)ในบรรดาสัญญานของพระองค์ เพราะมันจะไม่ปรากฏ นอกจาก มาจากพระเจ้าผู้ทรงเป็น ผู้ทรงถาวร ,ผู้ทรงสามารถ และผู้ทรงบริสุทธิ์ยิ่ง , ผู้ทรงสันติ ผู้ทรงไม่พึงพาอาศัย บรรดาสากลจักรวาลทั้งหลาย จนกระทั่งการศรัทธาของพวกเขา ถูกพาดพิงถึงความมั่นใจ(ถูกค้ำยันด้วยความมั่นใจที่มาจากหลักฐาน) ไม่ใช่พาดพิงถึงการตักลิด(การเชื่อตามที่ไม่ได้พิสูจน์ด้วยหลักฐาน) - อัลญาเมียะ ลิอะหกามิลกุรอ่าน 7/290
.........
อายะฮข้างต้น ให้ใช้ปัญญาพิจารณาสิ่งที่อัลลอฮสร้างเพื่อพิสูจน์เกี่ยวกับพระเจ้า เช่น การมีอยู่ของพระเจ้าและคุณลักษณะต่างที่สมบูรณ์ของพระองค์ ไม่ใช่การเชื่อตามกันมาแบบหลับหูหลับตาโดยไม่พิจารณาหลักฐาน(ตักลิด)
อายะฮข้างต้นไม่ได้เกี่ยวกับการใช้ปัญญาตีความ(ตะอวี้ล)สิฟาต(คุณลักษณะ)อัลลอฮ ที่มีมีมาในอัลกุรอ่าน ตามที่นาย อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ ต้องการที่จะสือหลอกคนอาวาม เพราะเรื่องคุณลักษณะของอัลลอฮ นั้น เราจะต้องเชื่อตามตัวบทโดยไม่ตีความ ไม่อธิบายรูปแบบวิธีการว่าเป็นอย่างไร และไม่เปรียบกับมัคลูค
อิหม่ามอัดดารีมีย์ (ฮ.ศ.280) กล่าวว่า
أخبرنا الله في كتابه أنه ذو سمع، وبصر، ويدين، ووجه، ونفس، وعلم، وكلام، وأنه فوق عرشه فوق سماواته، فآمنا بجميع ما وصف به نفسه كما وصفه بلا كيف) اهـ.
อัลลอฮทรงบอกเราในคัมภีร์ของพระองค์ว่า พระองค์ทรงเป็นผู้ได้ยิน ,ทรงเป็นผู้เห็น ,ทรงมีสองมือ,ใบหน้า .ทรงมีตัวตน, ทรงรู้ ,ทรงพูด และแท้จริง พระองค์ทรงอยู่เหนือบัลลังค์ของพระองค์ เหนือบรรดาชั้นฟ้าของพระองค์ ดังนั้นเราศรัทธา ทั้งหมดสิ่งที่ทรงพรรณนาคุณลักษณะให้แก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน เหมือนกับที่ทรงพรรณนาคุณลักษณะไว้ โดยไม่อธิบายรูปแบบวิธีการว่าเป็นอย่างไร – อัรรอด อะลัลมะรีสีย์ เล่ม 1 หน้า 428
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
28/2/61

วันอาทิตย์ที่ 25 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

เรียนสิฟัต 20 ผ่านแนวคิดตรรกนิยม ดีกว่าจริงหรือ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


เรียนสิฟัต 20 ผ่านแนวคิดตรรกนิยม ดีกว่าจริงหรือ
Sukiman Tuanno
ผู้ดูแล · 7 ชม. · Ko Samui, Surat Thani
เรียนอากีดะเกี่ยวกับคุณลักษณะของอัลลอฮฺได้ครอบคลุมความหมายกุรอานฮาดิษ ผมว่าแนวทางซีฟัต 20 นี่แหละครอบคลุมที่สุด และรวบรวมพื้นฐานที่บ่งถึงความยิ่งใหญ่ของอัลลอฮฺได้อย่างรวบรัดกระชับครอบคลุมและเนื้อหาอย่างเป็นหลักการที่สุดในการรู้จักอัลลอฮฺ 
ส่วนซีฟัตอื่นๆ เช่น อัลคอลิก อัลมาลิก อัลมุเซาวิร และ... มันก็อยู่ในวงของซีฟัต 20 นั้นแหละ มันจะเกิดจากซีฟัตมาอานียจากซีฟัต 20 นั้นแหละ
แนวมาตุรีดีนั้นมีแค่ 13 ซีฟัต ที่จริงก็เพียงพอนะ แต่สำหรับคนที่จะเข้าใจง่ายไปอีก ซีฟัต 20 นี่แหละจะดีกว่า เป็นการเพิ่มจากซีฟัตมาอานียเป็นซีฟัตมะนาวียะ(เป็นอัมรุนอิอตีบารียอีกที)
บางอุลามาอฺบอกว่าของมาตุรีดียดีกว่า เพราะยิ่งรวบรัดกระชับ ยิ่งเป็นผลดีต่อการผูกมัดความเข้าใจในหัวใจที่เรียกว่า "อากีดะ" ได้ดีกว่า
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นความคิดเห็นล้วนๆของคุณ Sukiman Tuanno บอกว่า เป็นหลักการที่สุดในการรู้จักอัลลอฮฺ
ขอแย้งว่า แนวทางอธิบายคุณลักษณะของอัลลอฮ โดยเอาปัญญานำหน้าหลักฐาน เอาหลักฐานชงและตีความให้กินกับตรรกทางปัญญา เป็นแนวคิดที่ เป็นตาบอดคลำช้างหาพระเจ้าไม่เจอจนทุกวันนี้
เรียนสิฟาต الوجود แปลว่าอัลลอฮมี แต่พอหลักฐานบอกว่าอยู่บนฟ้า ก็ใช้ตรรกแถ และมโน ว่าถ้าเชื่อตามตัวบท เป็นให้สถานที่แก่อัลลอฮ จนเอาตรรกทางปัญญาตีความว่า หมายถึง ฐานันดร ไม่ใช่อยู่บนฟ้า พระเจ้าอยู่ทุกที่ บ้างก็บอกมี แต่ไม่รู้อยู่ใหน เพราะปราศจากสถานที่ -นะอูซุบิลละฮ
ปราชญ์สะลัฟนั้นยืนยัน ว่าอัลลอฮตาอาลาอยู่บนฟ้า โดยอาศัยหลักฐานอัลกุรอ่านและหะดิษ เช่น หะดิษญารียะฮที่พวกญะฮมียะฮปฏิเสธเพราะไม่กินกับตรรกทางปัญญา
อิหม่ามอุษมาน บิน สะอีด อัดดาริมีย์(ฮ.ศ 200-280)กล่าวว่า
إن الأمة كلها، والأمم السالفة قبلها، لم يكونوا يشكون في الله تعالى أنه فوق السماء، بائن من خلقه، غير هذه العصابة الزائغة عن الحق المخالفة للكتاب وأثارات العلم كلها
แท้จริงบรรดาอุมมะฮทั้งหมด และบรรดาอุมมะฮสะลัฟก่อนพวกเขา พวกเขาไม่สงสัย เกี่ยวกับอัลลอฮตาอาลา ว่า แท้จริง ทรงอยู่เหนือชั้นฟ้า แยกจากมัคลูคของพระองค์ อื่นจากกลุ่มนี้(หมายถึงพวกแนวคิดญะฮมียะฮ)ที่เบี่ยงเบนออกจากสัจธรรม ที่ขัดแย้งกับอัลกุรอ่านและบรรดาร่องรอยแห่งความรู้ทั้งหมดของมัน - อัรร็อดอะลัลญะฮมียะฮ หน้า 54
มุหัมหมัด บิน อิสหาก อิบนุมันดะฮ(310- 395 ปราชญที่เกือบทันสะลัฟกล่าวว่า
ذكر الآي المتلوة والأخبار المأثورة في أن الله عز وجل على العرش فوق خلقه بائنا عنهم وبدء خلق العرش والماء، قال الله عز وجل: {الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى} [طه : 5] وقال: {ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَن}ُ [الفرقان : 59] وقال: {إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ} [يونس : 3])
การระบุบรรดาอายาตที่ถูกอ่านและบรรดาคำบอกเล่าที่ถูกสืบร่องรอยมา ว่าแท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยื่ง อยู่บนบัลลังค์(อะรัช) เหนือมัคลูคของพระองค์ โดยแยกจากพวกเขา และทรงริเรื่มสร้าง อะรัชและน้ำ ,อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยื่งอตรัสว่า
الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى
ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ -ฏอฮา/5
ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَنُ فَاسْأَلْ بِهِ خَبِيرًا
แล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบังลังก์ พระผู้ทรงกรุณาปรานี ดังนั้นจงถามผู้รู้เกี่ยวกับพระองค์- อัลฟุรกอน/59
إِنَّ رَبَّكُمُ اللّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ
แท้จริงพระเจ้าของพวกท่านคืออัลลอฮ์ผู้ทรงสร้างชั้นฟ้าทั้งหลายและแผ่นดินในเวลา 6 วันแล้วพระองค์ทรงสถิตย์อยู่บนบัลลังก์ -ยูนูส /3 - กิตาบุตเตาฮีด ของ อิบนุมันดะฮ เล่ม ๓ หน้า ๑๘๕ -๑๘๗
สำหรับเรื่องสิฟัต 20 ตามแนวตรรกอริสโตเติ้ลนั้น
หลังจากที่ อิหม่ามนะวาวีย์ ยืนยันว่า คนที่จะเป็นผู้ศรัทธานั้น เมื่อเขายึดมั่นต่อศาสนาอิสลาม อย่างมั่นคง
เขาก็คือผู้ศรัทธา ไม่จำเป็นจะต้องเรียนหลักฐานของบรรดานักกะลาม ซึ่งเป็นหลักฐานทางปัญญา ใช้เหตุผลอธิบายเตาฮีด
อิหม่ามนะวาวีย์กล่าวว่า
، خِلَافًا لِمَنْ أَوْجَبَ ذَلِكَ وَجَعَلَهُ شَرْطًا فِي كَوْنِهِ مِنْ أَهْلِ الْقِبْلَةِ ، وَزَعَمَ أَنَّهُ لَا يَكُونُ لَهُ حُكْمُ الْمُسْلِمِينَ إِلَّا بِهِ . وَهَذَا الْمَذْهَبُ هُوَ قَوْلُ كَثِيرٍ مِنَ الْمُعْتَزِلَةِ وَبَعْضِ أَصْحَابِنَا الْمُتَكَلِّمِينَ . وَهُوَ خَطَأٌ
แตกต่าง กับผู้ที่บอกว่า ดังกล่าวนั้น (หมายถึงเรียนหลักฐานของนักกะลาม) เป็นวาญิบ และเขาได้กำหนดให้เป็น เงื่อนไข ในการเป็นมุสลิม (อะฮลุลกิบลัต) และเขาเข้าใจว่า จะไม่ได้รับหุกุมว่าเป็นมุสลิม นอกจากจะต้องรู้หลักฐานของนักกะลาม และนี้คือ มัซฮับ มันคือ ทัศนะของพวกมุอตะซิละฮส่วนมากและส่วนหนึ่งของบรรดาสหายของเรา(หมายถึงอุลามาอฺมัซฮับชาฟิอีบางส่วน) ที่เป็นบรรดานักวิชาการกะลาม(นักวิภาษวิทยา) และมัน คือ ทัศนะที่ผิดอย่างชัดเจน -ดู ชัรหมุสลิม 17/197
..................................................
อิหม่ามนะวาวีย อะธิบายว่า พวกที่บอกว่า คนจะเป็นมุสลิมนั้นต้องเรียนรู้หลักฐานของบรรดานักวิภาษวิทยา พวกที่เข้าใจแบบนี้คือ พวกมุอฺตะซิละฮ และพวกนักวิชาการกะลาม และทัศนะดังกล่าวเป็นทัศนะที่ผิดอย่างชัดเจน
เพราะฉะนั้น วาทกรรมของนาย Sukiman Tuanno แค่ตรรกทางปัญญาที่คิดขึ้นมาเองตามความเข้าใจไร้หลักฐานทางวิชาการมีแต่หลักแถ ไปวันๆ ไร้น้ำหนักด้วยประการทั้งปวง

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
26/2/61





 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



วันศุกร์ที่ 23 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ตัวอย่างการแปลบิดเบือนคำพูดอิหม่ามมาลิก





ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ




ตัวอย่างการแปลบิดเบือนคำพูดอิหม่ามมาลิก
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ 
1 ชม. · Amphoe Muang Phitsanulok, Phitsanulok
Cr:Matty Ibnufatim ​Hamady
ดังนั้น อย่าใช้เฟสบุคเป็นสถานที่ประลองความรู้ เเละอย่าคิดว่า ตัวเองมีความรู้มาก ปัญญาเลิศ ท้าดิเบทคนอื่นไปทั่วกำเเพงออนไลน์ ความรู้จะขาดความบารอกัต หากเกิดฉงน เเละคิดว่า ตัวเองเรียนมาสูง เรียนมาเยอะกว่าคนอื่นๆ เเถมคิดว่า ความคิดของตัวเองเป็นเลิศ ไม่มีใครเทียบทาน เเต่จงใช้โซเชียลมีเดียเพื่อเป็นสถานที่เผยเเพร่ความรู้ เผยเเพร่กำลังใจ สร้างความสัมพันธ์กับเพื่อนร่วมโลก เเละเเชร์ข้อมูลที่เป็นประโยชน์ เเละอย่าเอาความรู้จากคน 4 ประเภท ดังนี้..
ท่านอิหม่ามมาลิก รอฮิมาฮุลลอฮ์ ได้กล่าวว่า :
"لا يؤخذ العلم عن أربعة: سفيه يعلن السفه وإن كان أروى الناس، وصاحب بدعة يدعو إلى هواه، ومن يكذب في حديث الناس وإن كنت لا أتهمه في الحديث، وصالح عابد فاضل إذا كان لا يحفظ ما يُحدِّث به
ความว่า:
"มีคนอยู่ 4 ประเภทที่เราอย่าศึกษาหาความรู้จากเขาเหล่านั้น
1. อย่าศึกษาหาความรู้จากคนที่โง่เขลาเบาปัญญา เนื่องจากคนเหล่าได้เเพร่กระจายความเขลาของตัวเอง
2. อย่าศึกษาหาความรู้จากผู้ที่เชิญชวนคนอื่นให้ตามนัฟซูของตัวเอง
3. อย่าศึกษาหาความรู้จากคนทีโกหก ตอเเหล กลับกลอก
4. อย่าศึกษาหาความรู้จากคนที่ไม่เข้าใจในสิ่งที่เขาได้เผยแพร่เเละถ่ายทอดออกไป เเม้ว่า เขาจะเป็นคนดี คนที่ประเสริฐ เเละเป็น นักปฏิบัติธรรม
《จากตำรา อัลมุวัตเฏาะอฺ ของท่านอีหม่าม มาลิก เล่ม 1 หน้า 27 》
@@@@@
ชี้แจง
คุณ Matty Ibnufatim ​Hamady ที่คุณ อานัส ชูชื่นหรือ อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์ เอาข้อเขียนเขามาเผยแพร่ แปลคำพูดอิหม่ามมาลิก (ร.ฮ) ตามอารมณ์ตนเอง บิดเบือน และหมกเม็ดความหมายจริงๆของคำพูดอิหม่ามมาลิกบางส่วน (ผู้อ่านลองเอาตัวบทคำพูดอิหม่ามมาลิก กับ คำแปลสรุปของนาย Matty Ibnufatim ​Hamady ดู โดยเฉพาะข้อ 2 เป็นการบิดเบือนคชัดเจน)
มาดูคำแปลที่ถูกต้องตรงตามตัวบทต่อไปนี้
لا يُؤْخَذُ العِلْمُ عن أربعةٍ : سفيهٌ يُعْلِنُ السَّفَهَ وإن كان أَرْوَى الناسِ ، وصاحبُ بِدعةٍ يَدْعُو إلى هَواهُ ، ومَن يَكْذِبُ في حديثِ الناسِ ، وإن كنتُ لا أتَّهِمُه في الحديثِ ، وصالحٍ عابدٍ فاضلٍ إذا كان لا يَحْفَظُ ما يُحَدِّثُ به
ความรู้จะไม่ถูกเอามาจากบุคคล 4 ประเภทคือ
1.คนโง่เขลา ที่ความโง่เขลานั้น เปิดเผยให้รู้เห็น และแม้เขาจะเป็นมนุษย์ที่รายงานหะดิษมากกว่าใครๆก็ตาม
2.ผู้ทำบิดอะฮ(ศอหิบุบิดอะฮ)ที่เรียกร้องไปสู่บิดอะฮของเขา
3.ผู้ที่ชอบโกหก ในการพูดกับผู้คน และแม้ว่าข้าพเจ้าจะไม่ตำหนิเขาในเรื่องหะดิษก็ตาม
4. คนดีที่เคร่งครัดอิบาดะฮ ที่เป็นผู้มีชื่อเสียง เมื่อเขาไม่จำสิ่ง(หะดิษ)ที่เขารายงานด้วยมัน - ดู สิยารเอียะลาม อัลนุบะลาอฺ 7/162 และ บทนำของผู้ตรวจทานอัลมุวัฏเฏาะอฺอิหม่ามมาลิก หน้า 24-25
......
ข้อสังเกตุ
มันเป็นเรื่องปกติ ที่นักทำบิดอะฮและอนุรักษ์บิดอะฮ จะต้องแปลบิดเบือนคำพูดที่มีผลกระทบต่อตัวเองและหมู่คณะ จากความหมายจริง คือ
(ความรู้จะไม่ถูกเอาจาก)ผู้ทำบิดอะฮ(ศอหิบุบิดอะฮ)ที่เรียกร้องไปสู่บิดอะฮของเขา
แล้วนาย Matty Ibnufatim ​Hamady แปล บิดเบือนให้เป็นความหมายว่า
อย่าศึกษาหาความรู้จากผู้ที่เชิญชวนคนอื่นให้ตามนัฟซูของตัวเอง
นี่แหละครับ พี่น้องผู้อ่านทั้งหลาย โปรดระวังการเสพข้อมูลจากอะฮลุลบิดอะฮ ตรวจสอบให้แน่ชัดก่อน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
24/2/61

 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

เมื่อเขากล่าวหาว่าอิบนุตัยมียะฮเหมือนนกกระจอก


ในภาพอาจจะมี 1 คน, ข้อความ


เมื่อเขากล่าวหาว่าอิบนุตัยมียะฮเหมือนนกกระจอก
สืบเนื่อง มาจากนายอุหมาด รัตนพงศ์ ได้นำข้อความที่มีคนแปลและชงให้ร้าย อิบนุตัยมียะฮ ซึ่งเป็นข้อความคำพูดของชัยค์ ซอฟียุดดีน อัลฮินดี (เสียชีวิตปี ฮ.ศ 715) เป็นปราชญ์แนวคิดวิภาษวิทยา มัซฮับ อะชาอิเราะฮ(المتكلم على مذهب الأشعري.) ตามที่ระบุใน เฎาะบะกอตอัชชาฟิอียะฮอัลกุบรอ แต่อาจารย์ที่นายอุหมาด รัตนพงศ์ ลอกข้อความมา โกหกว่า เป็นผู้เชียวชาญด้านเตาฮีดแห่งแนว อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ
นี่คือข้อความที่นายอุหมาด รัตนพงศ์ไปปิดตาลอกมา ซึ่งเป็นคำพูดของ ชัยค์ เศาะฟียุดดีน อัลฮินดีย์ ที่ ชัยค์ตายุดดีน อัสซุบกีย์ ได้รายงานไว้คือ
ما أراك يابْن تيمية إلا كالعصفور ، حيث أردت أن أقبضه من مكان فر إلى مكان آخر
โอ้ อิบนุตัยมียะฮ ฉันไม่เห็นว่าท่านเป็นอื่นใด นอกจากเป็นเสมือนนกกระจอก โดยที่เมื่อฉันต้องการที่จะจับมัน จากสถานที่หนึ่ง มันก็หนีไปยังอีกสถานที่หนึ่ง - ดูเฎาะกอตอัชชาฟิอียะฮอัลกุบรอ 9/63
........
แต่ข้อความอคติที่อาจารย์ของนายอุหมาด รัตนพงศ์ที่เขาปิดบังชื่อไว้ ได้เพิ่มเติมวงเล็บสอดไส้ กล่าวหาอิบนุตัยมียะฮว่า หมายถึงอิบนุตัยมียะฮ แถไหลไปเรื่อยๆ -วัลอิยาซุบิลละฮ
ความจริงน่าจะเป็นเพราะอิบนุตัยมียะฮมีความฉลาดและตอบโต้ได้ทุกประเด็นจนคู่เสวนาตามไม่ทันมากกว่า
มาดูนักปราชญมัซฮับชาฟิอี ที่ยกย่องชมเชยอิบนุตัยมียะฮ (ที่อาชาอิเราะฮสายกาลามียะฮ ไม่กล้าเปิดตาดู) คือ
1.ชัยค์ ญะลาลุดดีน อัสสะยูฏีย์(ร.ฮ) ปราชญ์มัซฮับชาฟิอี ซึ่งมี่ชีวิตระว่างปี ฮ.ศ 849-911 ได้ชมเชยท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ) ไว้ดังนี้
ابن تيمية ، الشيخ ، الإمام ، العلامة ، الحافظ ، الناقد ، الفقيه ، المجتهد ، المفسر البارع ، شيخ الإسلام ، علَم الزهاد ، نادرة العصر ، تقي الدين أبو العباس أحمد المفتي شهاب الدين عبد الحليم بن الإمام المجتهد شيخ الإسلام مجد الدين عبد السلام بن عبد الله بن أبي القاسم الحراني .
อิบนุตัยมียะฮ อัช-ชัยค์ , อัล-อิหม่าม , ,อัลอัลลามะฮ ,อัลหาฟิซ ,อันนากิด(นักวิจารณ์),อัล-มุฟัสสิีรอัลบาเรียะ(นักอรรถาธิบายอัลกุรอ่านที่ยอดเยี่ยม) ,ชัยคุลอิสลาม ,ผู้ทรงความรู้ที่สมถะ ,เป็นผู้ที่หาหายากในยุคสมัย ,ตะกียุดดีน,อะบุลอับบาส อะหมัด อัลมุฟตี ชิฮาบุดดีน อับดุลหะลีม บิน อิหม่ามอัลมุจญตะฮีด ชัยคุลอิสลาม ,มัจญุดดีน อับดุสสลาม บิน อับดิลละฮ บิน อะบิลกอซิม อัลหะรอนีย์... ดู เฏาะบะกอ็ตอัลหุฟฟาต ของชัยค์อัสสะยูฏีย์ หน้า 516-517
..........
ข้างต้น เป็นส่วนหนึ่งของถ้อยคำที่อิหม่ามอัสสะยูฏีย์ ปราชญ์คนสำคัญในมัซซฮับชาฟิอี ชมเชย ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ
แต่...แปลก มีคนบางกลุ่มที่ยกย่อง ชมเชยอิหม่ามสะยูฏีย์ อย่างแข็งขัน แต่ กลับโจมตี ใส่ร้าย อิบนุตัยมียะฮว่า หลุ่มหลง และหุกุมว่า เป็นผู้มีอะกีดะฮแบบยิว และหาว่า เป็นนักแถ-นะอูซุบิลละฮ
2.อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร อัล-อัสกอลานียฺ อัชชาฟีอียฺ
وشهرة إمامة الشيخ تقي الدين أشهر من الشمس ، وتلقيبه بـ " شيخ الإسلام " في عصره باق إلى الآن على الألسنة الزكية ، ويستمر غداً كما كان بالأمس ، ولا ينكر ذلك إلا من جهل مقداره ، أو تجنب الإنصاف
"เป็นที่รู้กันว่า อิมามะตุชชัยคฺ ตะกียุดดีน สว่างไสวยิ่งกว่าดวงอาทิตย์ บรรดาอุลามาในยุคของท่านได้ให้ฉายา"ชัยคุลอิสลาม" ยังคงติดตัวท่านจนวันพรุ่งนี้ เหมือนวันวาน ไม่มีการปฏิเสธเรื่องดังกล่าว ยกเว้นคนที่ยาเฮลต่อตำแหน่งของท่าน หรือคนที่ห่างไกลจากความยุติธรรม
(อัลหาฟิซ อัสสะกอวี รอฮิมาฮุลลอฮฺ ในหนังสือ อัลยาวาฮิร วัดดุรอร2/734)
3. อิบนุเราะญับ (ร.ฮ) ฮ.ศ 736-785 ปราชญมัซฮับหัมบะลีย์ ที่มีชื่อเสียง เขายกย่องอิบนุตัยมียะฮว่า
أَحْمَد بْن عَبْد الحليم بْن عَبْد السَّلام بْن عَبْد اللَّهِ بْن أَبِي القاسم بْن الخضر بن محمد ابن تيمية الحراني، ثُمَّ الدمشقي، الإِمَام الفقيه، المجتهد المحدِّث، الحافظ المفسر، الأصولي الزاهد، تقي الدين أَبُو الْعَبَّاس، شيخُ الإِسْلام،
อะหมัด บิน อับดิลหะลีม บิน อับดิสสลาม บิน อับดิลละฮ บิน อะบีลกอสิม บิน อัลเคาะฎีร บิน มุหัมหมัด บิน ตัยมียะฮ อัลหะรอรีย์ ต่อมา อัดดะมัชกีย์ อิหม่ามอัลฟะกีฮ อัลมุจญตะฮิด อัลมุหัษดิษ อัลหาฟิซ อัลมุฟัสสิร อัลอุศูลีย์ อัซซาฮิด ตะกียุดดีนอัลอับบาส "ชัยคุลอิสลาม"
- ดู ซัยลุเฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ 4/492-493
............
คนที่มีหัวใจเต็มไปด้วยอคติ และความโสมม ย่อมที่จะไม่เลิกราที่จะสรรหาวิธีการและเลห่กลในการใส่ร้ายปราชญที่เห็นต่างเพื่อปกป้องแนวคิดตนเอง โดยปราศจากการยำเกรงต่ออัลลอฮ

والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/2/61








 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



วันพฤหัสบดีที่ 22 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

ความหมายผิวเผิน" คำนี้ท่านได้แต่ใดมา


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ความหมายผิวเผิน" คำนี้ท่านได้แต่ใดมา
อ่านพบในตำราชื่อ อะกีดะฮแนวทางสะลัฟ ระหว่างอาชาอิเราะฮกับวาฮาบียะฮ หน้า 62 อ.อารีฟีน แสงวิมาน แปลคำว่า الظاهر ว่า "ความหมายผิวเผิน "ดังปรากฏเจ้าของหนังสือแปลไว้ดังนี้
صرف الاية عن معناها الظاهر الى معنى تحتمله
การผินอายะฮออกจากความหมายผิวเผิน(ที่เป็นอวัยวะ ,สัดส่วนและความหมายที่คล้ายคลึงกับมัคโลค)ไปยังความหมาย(ที่เหมาะสม) ที่อายะฮสามารถตีความได้
…………..
ข้างต้น เป็นการแปลตามความเห็นตนเองและสอดใส่วงเล็บเพิ่มข้อความเข้าใจเพื่อให้สอดรับกับความเห็นตัวเอง
มาดูคำพูด ของท่าน อัลญุรญานีย์ ในตำราของเขาชื่อ มุอญัมอัตตะรีฟาต หน้า 46 ตะหกีก มุหัมหมัด เศาะดีก อันมันชาวีย์ ความหมายเต็มของคำว่า ตะอวีล ในนิยามทางศาสนา คือ 
صرف اللفظ عن معناه إلى معنى تحتمله إذا كان المعنى المحتمل الذي يراه موافقا للكتاب والسنة .
การผันคำ จากความหมายของมัน ไปสู่ความหมายทีเขาถือว่ามันเป็นไปได้ เมือปรากฏว่าความหมายที่ถูกถือว่าน่าจะเป็นไปได้ เขาเห็นว่ามันสอดคล้องกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ ...
ส่วนที่ อ. อ้างนิยาม ของอัลญุรญานีย์ว่า
صرف الاية عن معناها الظاهر الى معنى تحتمله
คำแปลที่ถูกคือ
การผันอายะฮจากความหมายของมันที่ปรากฏตามตัวบท ไปสู่ความหมายที่คาดว่ามันน่าจะเป็น
คำว่า “الظاهر " ที่แปลว่า ความหมายผิวเผิน เป็นการกำหนดขึ้นเองตามความเห็น
คำว่า "อัซซอฮีรคือ
المعنى اللغوي الظاهر الواضح من سياق الكلام
ความหมายในทางภาษาที่ปรากฏชัดเจนจากความหมายของคำพูด
อิบนุกุดามะฮ (ร.ฮ)กล่าวว่า
الظاهر وهو ما يسبق إلى الفهم منه عند الإطلاق معنى مع تجويز غيره وإن شئت قلت ما احتمل معنيين هو في أحدهما أظهر
อัซซอฮีร คือ ความหมายที่เกิดขึ้นก่อนในความเข้าใจ เมื่อถูกกล่าว (เมื่อคำนั้นถูกกล่าว) โดยที่ความหมายอื่นก็เป็นไปได้ และหากท่านต้องการ ท่านก็กล่าวว่า (หมายถึง) สิ่งที่เป็นไปได้ทั้งสองความหมาย โดยที่ความหมายหนึ่งในสองความหมายนั้น ชัดเจนกว่า
เกี่ยวกับการอิษบาตร(รับรอง)คุณลักษณะของอัลลอฮนั้น
ดังที่อบูบักร์ อิบนิ อบี อาศิม ฮ.ศ 287 (ร.ฮ) กล่าวว่า
وجميع ما في كتابنا كتاب السنة الكبير الذي فيه الأبواب من الأخبار التي ذكرنا أنها توجب العلم، فنحن نؤمن بها لصحتها، وعدالة ناقليها، ويجب التسليم لها على ظاهرها، وترك تكلف الكلام في كيفيتها
และบรรดา สิ่ง ที่อยู่ในหนังสือของเรา คือ กิตาบอัสสุนนะฮอัลกะบีร ซึ่งในนั้นระบุ บรรดาเรื่องต่างๆ เกี่ยวกับบรรดาหะดิษ ที่เราได้ระบุไว้ว่า "แท้จริง มัน จะถูกให้จำเป็นต้องรู้ ดังนั้นเรา ศรัทธาด้วยมัน เพราะมันเป็นหะดิษเศาะเฮียะ และบรรดาผู้รายงานมันมีความยุติธรรม และจำเป็นจะต้องยอมรับมัน บนความหมายที่ปรากฏของมัน และละทิ้งความพยายามการวิภาษ ในรูปแบบวิธีการของมัน -
كتاب العرش للذهبي (ج2 ص273) والعلو للعلي الغفار (ص 197)
...
แนวทางสะลัฟเกี่ยวกับการอิษบาต(รับรอง)สิฟาตคือ ยืนยันความหมายที่ปรากฏตามตัวบทและ มอบหมายรูปแบบวิธีการ
………….
เพราะฉะนั้น คำว่า “ความหมายผิวเผิน เอามาจากใหน ความหมายที่ปรากฏตามตัวบทที่มีมา จะเป็นความหมายผิวเผินได้อย่างไร
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/2/60
 เอกสารอ้างอิง
 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันอังคารที่ 20 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

บ้าไปแล้วหรือ ...อ้างว่าการตรัสของอัลลอฮมีเสียง เป็นเรื่องตลก

ในภาพอาจจะมี ข้อความ


บ้าไปแล้วหรือ ...อ้างว่าการตรัสของอัลลอฮมีเสียง เป็นเรื่องตลก
Salafy Tobat
มาโชว์ตลกได้ตลอดเลยน่ะชาริฟ ซีฟัตกะลามอัลลอฮ์มีเสียงด้วย แถมการลงของอัลลอฮ์เป็นการเคลื่อนย้ายซาตจากสถานท่ีหนึ่งไปยังอีกทีหนึ่ง ไปเอาอะกีดะฮ์แบบนี้มาจากไหน
@@@@
ชี้แจง
เสพตรรกทางปัญญา อริสโตเติ้ล จนสมองช้อต เออเร่อ บ้าไปแล้ว หาว่าคำพูดของอัลลอฮ มีเสียง เป็นตลก- วัลอิยาซุบิลละฮ
ขอชี้แจงผู้อ่านว่า
อัลลอฮตรัส กับนบีมูซา อะลัยฺสลาม และบรรดารอซูล รวมถึงบรรดามลาอิกะฮ ด้วยเสียงที่ได้ยิน
อิหม่ามชัยค์อับดุลกอเดร อัลญิลานีย์ ปราชญตะเซาวูฟ ที่มีการอ้างว่า เป็นหัวหน้า ฏอรีกัตสายกอดีรียะฮ ที่แกนนำอาชาอิเราะฮบางคนในไทยยึดถือ ยืนยันว่า คำพูดอัลลอฮ มีเสียง
เช่น
เช่น ชัยค์อับดุลกอเดร อัลญิลานีย์ กล่าวว่า
قال تعالى في حق موسى عليه السلام: {وإذ نادى ربك موسى} [الشعراء: 10]، {وناديناه من جانب الطور الأيمن وقربناه نجيًا} [مريم: 52].
وقال تعالى لموسى عليه السلام: {إنني أنا الله لا إله إلا أنا فاعبدني} [طه: 14].
كل هذا لا يكون إلا صوتًا، ولا يجوز أن يكون هذا النداء وهذا الاسم والصفة إلا لله عز وجل، دون غيره من الملائكة وسائر المخلوقات.
อัลลอฮตาอาลา ตรัสเกี่ยวกับมูซา อะลัยฮิสสลามว่า(และ เมื่อพระเจ้าของเจ้าทรงเรียกมูซา..สูเราะฮฺ อัช-ชุอะรออ์/10) (และเราได้ร้องเรียกเขาจากทางด้านขวาของภูเขาฎูร และเราได้ให้เขาเข้ามาใกล้ชิดเพื่อบอกความลับ-มัรยัม/52 
และอัลลอฮตาอาลาตรัสแก่มูซา อะลัยฮิสสลามว่า (แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้า- ฏอฮา/14) 
ทั้งหมดนี้ มันจะเป็นอื่นไปไม่ได้ นอกจาก เสียง และย่อมไม่อนุญาต(คือเป็นไปไม่ได้) ว่า เสียงนี้ ,พระนามนี้ และคุณลักษณะนี้ นอกจากเป็นของอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยิงเท่านั้น ไม่ใช่ของผู้อื่นจากพระองค์ จากบรรดามลาอิกะฮและบรรดาสิ่งถูกสร้างอื่นๆ - ดู อัล-ฆุนยะฮลิฏอลีบีย์ เฎาะรีกิลหัก เล่ม 1 หน้า 130
..............
ชัยค์ อับดุลกอเดร อัลญิลานีย์ ยืนยันว่า เสียง คำพูดที่พูดกับนบี มูซา อะลัยฮิสสลามนั้น เป็นเสียงของอัลลอฮ ไม่ใช่เสียงผู้อื่น
ไม่อ่านตำรา แล้วมานั่งเทียนว่า "อัลลอฮตรัสด้วยเสียง"เป็นเรื่องตลก -นะอูซุบิลละฮ เตาบัตเถอะครับ นาย Salafy Tobat
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/2/61

หลักฐานอ้างอิง

 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

วันจันทร์ที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2561

จับเท็จนายอานัส ชูชื่น (จับเท็จอาชาอิเราะฮสายฮาร์ดคอร์ภาค 2)

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



จับเท็จนายอานัส ชูชื่น (จับเท็จอาชาอิเราะฮสายฮาร์ดคอร์ภาค 2)
อับดุลเกาะฮ์ฮ๊าร ภัทรสุขสิโรตม์
ถูกใจเพจนี้ · 17 มีนาคม 2017 ·
เปิดโปงการบิดเบือนข้อมูลทางวิชาการของนายอะสัน หมัดอาดั้ม โดย อ.ซุนนะห์คอร์ ตอนที่ 3
.
อาสัน บอกว่า
.
ความหมายคำว่า “อิสเตาลา اِسْتَوْلَى “ปกครองโดยไม่แย่งชิง (ดังที่อารีฟีนแปล) เพราะความหมายนี้ไม่ใช่ความหมายในทัศนะสะลัฟแต่เป็นความหมายตามทัศนะ “มุฮตะซิละฮ”
.
ชี้แจงข้อเท็จจริง
.
อาสัน นายโกหกอีกแล้ว ในเว็บซุนนะฮ์สติวเด้น ก็ไม่เห็นเลยว่า อารีฟีน จะให้ความหมาย อัลอิสติวาอฺ ว่า ปกครองโดยได้มาซึ่งการแย่งชิง แต่ความจริง อารีฟีน ได้ให้ความหมาย อัลอิสติวาอฺว่า “ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง”
.
โดย อารีฟีน เอง ได้อ้างอิงการให้ความหมาย อัลอิสติวาอฺ ว่า ปกครอง จากสะละฟุศศอลิห์จากแนวทางของอะฮ์ลิสซุนนะฮ์วัลญะมาอะฮ์ คือท่านอิหม่าม อัซซัจญาจญฺ เป็นปราชญ์ตัฟซีร อีกทั้งเป็นปราชญ์ภาษาอาหรับของสะลัฟ ซึ่งอารีฟีน ได้อ้างอิงไว้ตามตัวอักษรจากเว็บไซต์ของเขาดังนี้
.
ท่านอิหม่ามอัซซัจญาจญฺ (ฮ.ศ. 241-311) ซึ่งเป็นปราชญ์ยุคสะลัฟได้กล่าวไว้ในตัฟซีรของท่านว่า
.
فَقَالَ: (عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى) ، وَقَالُوْا مَعْنَى (اِسْتَوَى) : اِسْتَوْلَى , وَاللَّهُ أَعْلَمُ
.
“อัลเลาะฮ์ ตะอาลาทรงตรัสว่า “พระองค์ทรงอิสตะวาเหนือบัลลังก์ และพวกเขากล่าวว่า ความหมาย อิสตะวา คือ อิสเตาลา(ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง)วัลลอฮุอะลัม” ตัฟซีร มะอานี อัลกุรอาน เล่ม 3 หน้า 229. ดูลิงค์นี้ ในโพสต์ตอบกลับที่ #4 http://www.sunnahstudent.com/forum/index.php?topic=3059.0
.
ดูให้ชัดเจนครับพี่น้อง อารีฟีน กล่าวไว้อย่างชัดเจนว่า “คือ อิสเตาลา(ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง)วัลลอฮุอะลัม”
สรุปคือ อาสัน อยู่ด้วยความโกหกเพื่อเอาตัวรอดไปวันๆ โดยฟิตนะฮ์คนอื่น...ขออัลลอฮ์ทรงตอบแทน...
@@@@@
ผมอะสันขอ ชี้แจงดังนี้
มาดูคนที่ปกป้องแนวคิดมุอตะซิละฮและญะฮมียะฮ ดังนี้
นายอานัสบอกว่า
อาสัน นายโกหกอีกแล้ว ในเว็บซุนนะฮ์สติวเด้น ก็ไม่เห็นเลยว่า อารีฟีน จะให้ความหมาย อัลอิสติวาอฺ ว่า ปกครองโดยได้มาซึ่งการแย่งชิง แต่ความจริง อารีฟีน ได้ให้ความหมาย อัลอิสติวาอฺว่า “ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง
...
ผมอะสัน ขอตอบว่า
ถ้านายอานัส ชูชื่น ไม่โง่เขลาเบาปัญญา คำว่า 
ปกครองโดยได้มาซึ่งการแย่งชิง (อ้างว่าผมอ้าง ไม่รู้อ้างตอนใหน)
กับคำว่า
"“ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง (ที่อ้างว่าอารีฟีนกล่าว)
สองคำนี้มีความหมายเหมือนกันคือ การได้มาซึ่งอำนาจการปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง หรือการรบราฆ่าฟันกัน โดยไปเอามาจากเอามาจากบทกวีของชาวยิว คือ
อิบนุกะษีร(ร.ฮ)ยืนยันว่า การให้ความหมาย อิสตะวา ว่า การปกครองนั้น เป็นแนวคิดญะฮมียะฮ
وَالْجَهْمِيَّةُ تَسْتَدِلُّ عَلَى الِاسْتِوَاءِ عَلَى الْعَرْشِ بِأَنَّهُ الِاسْتِيلَاءُ بِبَيْتِ الْأَخْطَلِ ، فِيمَا مَدَحَ بِهِ بِشْرَ بْنَ مَرْوَانَ ، وَهُوَ قَوْلُهُ :
قَدِ اسْتَوَى بِشْرٌ عَلَى الْعِرَاقِ مِنْ غَيْرِ سَيْفٍ وَدَمٍ مُهْرَاقِ 
وَلَيْسَ فِيهِ دَلِيلٌ ; فَإِنَّ هَذَا اسْتِدْلَالٌ بَاطِلٌ مِنْ وُجُوهٍ كَثِيرَةٍ ، وَقَدْ كَانَ الْأَخْطَلُ نَصْرَانِيًّا
“ญะฮฺมียะฮฺชอบอ้างหลักฐาน ว่า อิสติวาอฺ บน อะรัช หมายถึง อัลอิสติลาอฺ (แปลว่าการปกครอง) ด้วยบทลำนำ(บทกลอน)ของอัคฏ็อล ในสิ่งที่ชมชมเชย บิชรฺ บิน มัรวาน โดยเขากล่าวว่า
قَدِ اسْتَوَى بِشْرٌ عَلَى الْعِرَاقِ * مِنْ غَيْرِ سيف ودم مهراق
บิชรฺ ได้ครอบครองอิรัก โดยไม่ใช้ดาบและ ไม่นองเลือด
และ ไม่มีหลักฐานใดๆในมัน เพราะแท้จริง นี้คือ การอ้างหลักฐานที่เป็นเท็จ จากบรรดาเหตุผลต่างๆมากมาย และแท้จริงปรากฏว่า "อัลอัคฏ็อล" นั้นเป็นชาวยิว
. - อัลบิดายะฮวัลนิฮายะฮ เล่ม 7 หน้า 7 สำนักพิมพ์ มักตะบะฮอัลมะอาริฟ เบรุต เลบานอน เรื่อง (บิชร บิน มัรวาน) 
..........
สรุป อาจารย์ของนายอานัส ชูชื่น เชื่อตามแนวคิดญะฮมียะฮ และเป็นคำกลอนของชาวคริสเตียน
ซึ่งความหมายนี้ ท่านอิบนุอับดิลบัร(ร.ฮ)คัดค้าน โดยกล่าวว่า
وقولهم استوى: أي استولى لا معنى له لأنه غير ظاهر في اللغة، ومعنى الاستيلاء في اللغة: المغالبة والله لا يغالبه ولا يعلوه أحد

พวกเขา(พวกมุอฺตะซิละฮ)กล่าวว่า คำว่า "อิสตะวา" หมายถึง อิสเตาลา( การปกครอง หรือ เข้ายึดครอง) ซึ่งไม่ใช่ความหมายของมัน เพราะไม่ปรากฏในหลักภาษา และ ความหมายคำว่า "อิสติลาอฺ"ในทางภาษา หมายถึง การมีชัย ทั้งๆที่อัลลอฮ ไม่มีคนใดต่อสู้กับพระองค์ และไม่มีคนใดชัยชนะพระองค์ได้ - อัตตัมฮีด เล่ม 7 หน้า 131 
........
คำว่า "อิสเตาลา คือ การได้มาซึ่งอำนาจปกครองโดยการแย่งชิง
อัลลอฮไปทำสงครามกับใครหรือ โอ้นายอานัสชูชื่น และท่านมหาปราชญ ?
อิหม่ามอัลบะเฆาะวีย์(ฮ.ศ)กล่าวว่า
وَأَوَّلَتِ الْمُعْتَزِلَةُ الِاسْتِوَاءَ بِالِاسْتِيلَاءِ
และมุอตะซิละฮ ได้ตีความ คำว่า อิสติวาอฺ ด้วยคำว่า "การปกครอง - ดูตัฟสีรอัลบัฆวีย์ 3/236 อรรถาธิบายซูเราฮอัลอะรอฟ อายะฮที่ 54
...........
ส่วนการอ้างสะลัฟ คือ อัซซัจญาจญ ที่กล่าวอ้างและแปลว่า
وَقَالُوْا مَعْنَى (اِسْتَوَى) : اِسْتَوْلَى ,
และพวกเขากล่าวว่า ความหมาย อิสตะวา คือ อิสเตาลา(ปกครองโดยไม่มีการแย่งชิง)
................
คำว่า (ไม่แย่งชิง ) เป็นการใส่ความหมายเพิ่มในคำนี้ใช่ไหมครับ นายอานัส ชูชื่น 
ข้างต้น ไม่ใช่ทัศนะของของ อิหม่ามอัซซัจญาจญ์ เพราะท่านได้ใช้คำพูด ว่า พวกเขากล่าวว่า “ ความหมาย(อิสติวาอฺ) คือ การครอบครอง 
คำว่า พวกเขากล่าวว่า “ เป็นสำนวนอ่อน (ศิเฆาะฮอัตตัมรีฎ) ซึ่งเป็นไปได้ว่า เป็นการรายงานจาก กลุ่มมุอตะซิละฮ 
ความหมายคำว่า “อิสเตาลา اِسْتَوْلَى “ปกครองโดยไม่แย่งชิง (ดังที่อารีฟีนแปล) เพราะความหมายนี้ไม่ใช่ความหมายในทัศนะสะลัฟแต่เป็นความหมายตามทัศนะ “มุฮตะซิละฮ และแนวคิดญะฮมียะฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/2/61



หลักฐาน อ้างอิง





ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ