เมื่อละแบโวยวายว่า เดือดร้อน เพราะแชสันบอกว่าหะดิษกินบุญเฎาะอีฟ

เมื่อละแบโวยวายว่า เดือดร้อน เพราะแชสันบอกว่าหะดิษกินบุญเฎาะอีฟ

Al-Yafaie Bin-nazaie
เมื่อวานนี้ เวลา 16:17 น.
เมื่อโตะเเชสัน วาฮะบีย์โตะคอมกูเกิ้ลจบสายสามัญกล้าตัดสินว่า หะดีสฏอวูส
นั้นเป็น ดออีฟ..
เอาละซิ..เดือดร้อนถึงบรรดาอีม่ามสลัฟและคลัฟ..นะซิ..งงๆๆเลยเรา

@@@@

ชี้แจง

ช่างน่าขำ หะดิษนบี ศอ็ลฯ ที่ส่งเสริมให้ทำอาหารไปเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย ซึ่งเป็นหะดิษเศาะเฮียะ และคำสอนอิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ)ที่ส่งเสริม ให้นำอาหารไปเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย ก็ชัดเจนในตำราของท่านที่อ้างหลักฐานจากหะดิษนบี กลับไม่เอา เพราะไม่ได้กิน ไม่ได้สนองอารมณ์การเห็นแก่กิน แล้วกลับมายึดหะดิษฏอวูส ซึ่งเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน และอิหม่ามมุจญตะฮิดทั้งสิ่งไม่รู้จักมาเป็นหลักฐาน พอใครบอกว่าหะดิษเฎาะอีฟ...ละแบก็เดือดร้อนกันออกหน้าออกตาจนน่าเกลียด และน่าสมเพทมากๆ

หะดิษฏอวูส แค่เป็นคำพูดตาบิอีน ไม่ใช่หลักฐานทางศาสนาบัญญัติ แต่ละแบกอดไม่วาง แต่คำพูดท่านนบี ศอ็ลฯ กลับไม่สนใจใยดี

นี่คือ หะดิษฏอวูส ที่เป็นหลักฐานรับรองหม้อข้าวของละแบคือ
ท่านอัล-หาฟิซ อิบนุ หะญัร อัล-อัสเกาะลานีย์ ได้ทำการรายงานจากท่านอิหม่ามอะหฺมัด โดยที่ท่านอะหฺมัด ได้รายงานไว้ในหนังสือ อัซซุฮ์ด ว่า

سُفْيَانُ قَالَ : قَالَ طَاوُوْسٌ : إِنَّ الْمَوْتىَ يُفْتَنُوْنَ فِىْ قُبُوْرِهِمْ سَبْعًا، وَكَانُوْا يَسْتَحِبُّوْنَ أَنْ يُطْعِمُوْا عَنْهُمْ تِلْكَ اْلأَيَّامَ ..

“ท่านซุฟยานกล่าวว่า ท่านฏอวูสกล่าวว่า แท้จริงผู้ตายนั้น พวกเขากำลังถูกสอบถามในกุบูรของพวกเขา ถึง 7 วัน และบรรดาซอฮาบะฮ์ มีความชอบที่จะทำการเลี้ยง (ให้) อาหารแทนจากพวกเขา ในเจ็ดวันดังกล่าว” หนังสือ อัลมะฏอลิบ อัลอาลิยะฮ์ บิ ซะวาอิด อัลษะมานียะฮ์ เล่ม 1 หน้า 199 
........
ดร. บาสสัม อินายะฮ ผู้ที่ตรวจทานตำราอัลมะฏอลิบ อัลอะลียะฮกล่าววิจาร์ว่า
الإسناد رجاله كلهم ثقات إلا أنه منقطع بين سفيان وطاووس ، فهو ضعيف.

สายรายงานนั้น บรรดาผู้รายงานของมันทั้งหมด เชื่อถือได้ เว้นแต่แท้จริงมันคือสิ่งที่ถูกให้ขาดตอนระหว่าง ซูฟยานและฏอวูส มันคือ หะดิษเฎาะอีฟ - อัลมะฏอลิบอัลอาลียะฮ 5/330

อิกอย่าง หะดิษข้างต้นยังขัดแย้งกับ หะดิษญะฟัร ที่นบี ศอ็ลฯ ส่งเสริมให้ทำอาหารเลี้ยงครอบครัวผู้ตาย ไม่ใช่ครอบครัวผู้ตายเชิญละแบมาชุมนุมกินกันที่บ้านครอบครัวผู้ตาย

นอกจากนั้นแล้วหะดิษฏอวูส ที่ระบุว่า "ผู้ตายถูกสอบสวน 7 วัน" นั้นขัดแย้งกับหะดิษเศาะเฮียะ เพราะการสอบสวนในกุโบร์นั้นเกิดขึ้นครั้งเดียวเท่านั้น ไม่ใช่สอบสวนทั้ง 7 วัน ดังหะดิษ

จากอัล-บัรรออ์ บิน อาซิบ เราะฎิยัลลอฮฺ อันฮุ ได้กล่าวว่า

«خَرَجْنَا مَعَ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِي جَنَازَةِ ... وفيه ـ قال النبي صلى الله عليه وسلم : وَيَأْتِيهِ مَلَكَانِ فَيُجْلِسَانِهِ فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَنْ رَبُّكَ؟ فَيَقُولُ : رَبِّيَ اللَّهُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا دِينُكَ؟ فَيَقُولُ : دِينِيَ الْإِسْلاَمُ. فَيَقُولاَنِ لَهُ : مَا هَذَا الرَّجُلُ الَّذِي بُعِثَ فِيكُمْ؟ قَالَ فَيَقُولُ : هُوَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ...» أخرجه أحمد وأبو داود.

ความว่า “พวกเราได้ออกไปพร้อมกับท่านรอซูลลุลลอฮฺ ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม เนื่องจากมีผู้ที่เสียชีวิตผู้หนึ่ง...(ในหะดีษมีเนื้อหาตอนหนึ่งที่นบี ศ็อลลัลลอฮฺ อะลัยฮิ วะสัลลัม ได้กล่าวว่า ‘และแล้วมลาอิกะฮฺสองท่านก็ได้มาหาผู้ที่เสียชีวิต(ที่ถูกฝังอยู่ในกุบูรฺ) และมลาอิกะฮฺทั้งสองจัดให้เขาได้ลุกขึ้นนั่งพร้อมกับได้กล่าวแก่เขาว่า ใครคือพระเจ้าของเจ้า? ผู้ที่เสียชีวิตก็ตอบว่า พระเจ้าของฉันคืออัลลอฮฺ แล้วมลาอิกะฮฺก็เอ่ยถามเขาต่อไปว่า แล้วศาสนาของเจ้าคือศาสนาอะไร? เขาก็ตอบไปว่า ศาสนาของฉันคืออิสลาม และมลาอิกะฮฺทั้งสองก็ได้ถามเขาต่อว่า และผู้ชายที่ถูกส่งมายังพวกเจ้าเป็นใคร? เขาก็ตอบว่า เขาคือรอซูลของอัลลอฮฺ...’” (รายงานโดย อะห์มัด : 18733 และอบู ดาวูด : 4753 สำนวนนี้เป็นของ อบู ดาวูด, ดู เศาะฮีหฺ สุนัน อบี ดาวูด : 3979)
..............
การสอบสวนในหลุมศพ มีครั้งเดียวเท่านั้น เพราะฉะนั้น การระบุว่า "มัยยิตในกุโบร์ ถูกสอบสวน 7 วัน เป็นการขัดแย้งกับความเป็นจริงและขัดแย้งกับหะดิษเศาะเฮียะ
ในตำราฟิกฮของปราชญมุจญ์ตะฮิดที่มีชื่อเสียง ไม่ปรากฏว่า มีการระบุส่งเสริมให้ครอบครัวผู้ตายทำบุญเลี้ยงอาหาร 7 วัน เชิญละแบมาชุมนุมกินกันเลย ...เพราะฉะนั้น สะลัฟไม่เดือดร้อนหรอก .แต่.ที่เดือดร้อนคือละแบใส้แห้งอย่างคุณละแบอาชาอิเราะฮ นามปลอม Al-Yafaie Bin-nazaie ต่างหาก

والله أعلم بالصواب

อะสัน หมัดอะดั้ม
3/2/61