
ตรรกวิบัติอ้างว่าอัลลอฮไม่ได้ตรัสด้วยเสียงและอักษร
Ana Muhammad Ameen
นาบีมูซอ ได้ยินกาลาม ที่ไม่ใช่เสียง ไม่ใช่อักษร ไม่ใช่ ภาษา แต่อัลลอฮ์เปิดฮียาบ(الحجاب) ทำให้นาบีมูซอเข้าใจว่าอัลลอฮ์จะสื่ออะไร
@@@@
@@@@
ชี้แจง
เรื่องการคัดค้านโดยอ้างข้างๆคูๆ ว่าอัลลอฮ ไม่ได้ตรัสด้วยเสียงนั้น ในเมืองไทยเริ่มจากแกนนำอาชาอิเราะฮคนดัง แต่หาหลักฐานเด็ดมายืนยันไม่ได้ มีแต่หลักแถ แล้วเข้ากลีบเมฆ จนมีผลให้กระทู้หนึ่งทิ้งร้างให้หญาคาขึ้นอยู่ทุกวันนี้ มาวันนี้ผีแนวคิดญะฮมียะฮโผลมาอีกหนึ่งคนปฏิเสธว่า อัลลอฮไม่ได้ตรัสด้วยเสียงที่นบีมูซาได้ยิน เป็นการบิดเบือนอะกีดะฮ โดยปราศจากหลักฐานมายืนยัน
ขอยืนยันว่า
1.อัลลอฮตาอาลาตรัสกับมูซาโดยตรง ไม่ผ่านคนกลาง
อิบนุกุดามะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า
ومِنْ صِفات الله - تعالى - أنَّه مُتَكَلِّمٌ بكلامٍ قَديمٍ، يُسْمِعُه مَنْ شَاءَ مِنْ خَلْقِه، سَمِعَهُ مُوسى - عليْه السلامُ - مِنْهُ، مِنْ غير وَاسِطَة، وسَمِعَه جِبْريلُ - عليْه السلامُ - وَمَنْ أَذِنَ لَهُ مِنْ ملائكتِهِ، وَرُسُلِه
ส่วนหนึ่งจากบรรดาคุณลักษณะของอัลลอฮ ตะอาลานั้น คือ แท้จริง พระองค์ทรงเป็นผู้ทรงพูด ด้วยคำพูดมาแต่เดิม มันถูกให้ได้ยิน แก่ผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์ จากมัคลูคของพระองค์ ,มูซา อะลัยฮิสสลาม ได้ยินจากพระองค์ โดยไม่ผ่านคนกลาง ,ญิบรีล ได้ยินมัน และ ผู้ที่พระองค์ทรงอนุญาต จากมลาอิกะฮและบรรดารอซูลของพระองค์ (ก็ได้ยินมัน) – ดูลุมอะตุอลเอียะติกอด หน้า 15
2.อัลลอฮตาอาลาตรัสกับนบี มูซา (อ.)ด้วยเสียงที่ได้ยิน
2.1 อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตาอาลา ตรัสแก่ท่านนบีมูสา อะลัยฮิสสลามว่า
فاستمع لما يوحى . إنني أنا الله لا اله إلا أنا فاعبدني وأقم الصلاة لذكري " .
ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยู”แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า – ฏอฮา/13-14
อิบนุกะษีร อธิบายว่า
وقوله: ( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) أي: اسمع الآن ما أقول لك وأوحيه إليك
และคำตรัสของพระอง์ที่ว่า “ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า” กล่าวคือ ขณะนี้ จงฟังสิ่งที่ข้ากล่าวแก่เจ้าและข้าจะวะหยูแก่เจ้า – ตัฟสีรอิบนิกะษีร
อิบนุญะรีร ปราชญ์ยุคสะลัฟอธิบายว่า
( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) يقول: فاستمع لوحينا الذي نوحيه إليك وعه، واعمل به.
(ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า) พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้น เจ้าจงฟังวะหยูของเรา ซึ่งเราได้วะหยูแก่เจ้า จงให้ความสนใจมันและปฎิบัติตามมัน – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์
……………………..
อัลลอฮ สั่งให้นบีมูซา อะลัยฮิสลาม ฟังที่ที่พระองค์วะหยูแก่ท่าน การฟัง ย่อมฟังเสียง ถ้าไม่เป็นเสียง จะใช้คำว่าฟังได้อย่างไร
فاستمع لما يوحى . إنني أنا الله لا اله إلا أنا فاعبدني وأقم الصلاة لذكري " .
ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยู”แท้จริงข้าคืออัลลอฮฺ ไม่มีพระเจ้าอื่นใดนอกจากข้า ดังนั้นเจ้าจงเคารพภักดีต่อข้าและจงดำรงไว้ซึ่งการละหมาด เพื่อรำลึกถึงข้า – ฏอฮา/13-14
อิบนุกะษีร อธิบายว่า
وقوله: ( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) أي: اسمع الآن ما أقول لك وأوحيه إليك
และคำตรัสของพระอง์ที่ว่า “ดังนั้น จงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า” กล่าวคือ ขณะนี้ จงฟังสิ่งที่ข้ากล่าวแก่เจ้าและข้าจะวะหยูแก่เจ้า – ตัฟสีรอิบนิกะษีร
อิบนุญะรีร ปราชญ์ยุคสะลัฟอธิบายว่า
( فَاسْتَمِعْ لِمَا يُوحَى ) يقول: فاستمع لوحينا الذي نوحيه إليك وعه، واعمل به.
(ดังนั้นจงฟังสิ่งที่ถูกวะหยูแก่เจ้า) พระองค์ตรัสว่า “ดังนั้น เจ้าจงฟังวะหยูของเรา ซึ่งเราได้วะหยูแก่เจ้า จงให้ความสนใจมันและปฎิบัติตามมัน – ตัฟสีรอัฏฏอ็บรีย์
……………………..
อัลลอฮ สั่งให้นบีมูซา อะลัยฮิสลาม ฟังที่ที่พระองค์วะหยูแก่ท่าน การฟัง ย่อมฟังเสียง ถ้าไม่เป็นเสียง จะใช้คำว่าฟังได้อย่างไร
2.2 อัลหาฟิซ อิบนุหะญัร กล่าวว่า
وَقَدْ قَالَ عَبْدُ اللَّهِ بْنُ أَحْمَدَ بْنِ حَنْبَلٍ فِي كِتَابِ السُّنَّةِ : سَأَلْتُ أَبِي عَنْ قَوْمٍ يَقُولُونَ لَمَّا كَلَّمَ اللَّهُ مُوسَى لَمْ يَتَكَلَّمْ بِصَوْتٍ ، فَقَالَ لِي أَبِي : بَلْ تَكَلَّمَ بِصَوْتٍ ، هَذِهِ الْأَحَادِيثُ تُرْوَى كَمَا جَاءَتْ وَذَكَرَ حَدِيثَ ابْنِ مَسْعُودٍ وَغَيْرِهِ .
และแท้จริง อับดุลลอฮ บิน อะหมัด บิน หัมบัล ได้กล่าวไว้ใน หนังสืออัสสุนนะฮ ว่า “ข้าพเจ้าได้ถามบิดาของข้าพเจ้า (หมายถึงอิหม่ามอะหมัด) เกี่ยวกับ คนกลุ่มหนึ่ง พวกเขากล่าวว่า “ขณะที่อัลลอฮทรงพูดกับมูซานั้น พระองค์ไม่ได้ทรงพูดด้วยเสียง แล้วบิดาของข้าพเจ้ากล่าวตอบว่า “ แต่ทว่า พระองค์ทรงพูดด้วยเสียง ,บรรดาหะดิษเหล่านี้ ได้มีการรายงาน ตามที่มันได้มีมา และเขาได้ระบุหะดิษอิบนุมัสอูดและคนอื่นจากเขา – ฟัตหุลบารีย์ กิตาบุตเตาฮีด อธิบายหะดิษหมายเลข ๗๐๔๕ และ เฏาะบะกอตอัลหะนาบะละฮ ของ อิบนุ อะบีย ยะอลา เล่ม ๑ หน้า ๑๘๕
ส่วนหะดิษอิบนุมัสอูดที่ว่าคือ
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ اللَّهُ يَا آدَمُ فَيَقُولُ لَبَّيْكَ وَسَعْدَيْكَ فَيُنَادَى بِصَوْتٍ إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُكَ أَنْ تُخْرِجَ مِنْ ذُرِّيَّتِكَ بَعْثًا إِلَى النَّارِ
ส่วนหะดิษอิบนุมัสอูดที่ว่าคือ
عَنْ أَبِي سَعِيدٍ الْخُدْرِيِّ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ قَالَ قَالَ النَّبِيُّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ يَقُولُ اللَّهُ يَا آدَمُ فَيَقُولُ لَبَّيْكَ وَسَعْدَيْكَ فَيُنَادَى بِصَوْتٍ إِنَّ اللَّهَ يَأْمُرُكَ أَنْ تُخْرِجَ مِنْ ذُرِّيَّتِكَ بَعْثًا إِلَى النَّارِ
อบูสะอี๊ด (อัลคุดรีย์) รายงานว่า ท่านรอซูลุ้ลลอฮ์ ศ็อลล็อลลอฮุอลัยฮิวะซัลลัม กล่าวว่า อัลลอฮ ตรัสว่า “โอ้อาดัมเอ๋ย “ แล้วอาดัมกล่าวตอบว่า “ครับ ข้าจงรักภักดีและน้อมรับคำบัญชาของพระองค์ (ท่านเล่าต่อไปว่า)แล้วเขาถูกเรียกด้วยเสียงหนึ่งว่า แท้จริง พระองค์อัลลอฮ์ทรงบัญชาเจ้าให้เจ้า คัดเอาผู้ที่ถูกส่งไปลงนรก จากลูกหลานของเจ้า
2.3 อิหม่ามบุคอรี ก็รับรองว่าอัลลอฮ พูด ด้วยเสียง ดังที่ผมเคยเสนอไปแล้วคือ
อิหม่ามบุคอรีกล่าวว่าا
อิหม่ามบุคอรีกล่าวว่าا
, وَيُذْكَرُ عَنِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ إِنَّهُ كَانَ يُحِبُّ أَنْ يَكُونَ الرَّجُلُ خَفيضَ الصَّوْتِ ، وَيَكْرَهُ أَنْ يَكُونَ رَفِيعَ الصَّوْتِ ، وَإِنَّ اللَّهَ عَزَّ وَجَلَّ يُنَادِي بِصَوْتٍ يَسْمَعُهُ مَنْ بَعُدَ كَمَا يَسْمَعُهُ مَنْ قَرُبَ ، فَلَيْسَ هَذَا لِغَيْرِ اللَّهِ عَزَّ وَجَلَّ ذِكْرُهُ , وَفِي هَذَا دَلِيلٌ أَنَّ صَوْتَ اللَّهِ لا يشبه أَصْوَاتَ الْخَلْقِ ، لأَنَّ صَوْتَ اللَّهِ جَلَّ ذِكْرُهُ يُسْمَعُ مِنْ بُعْدٍ كَمَا يُسْمَعُ مِنْ قُرْبِ ، وَأَنَّ الْمَلائِكَةَ يُصْعَقُونَ مِنْ صَوْتِهِ ، فَإِذَا تَنَادَى الْمَلائِكَةُ لَمْ يُصْعَقُوا ،
และได้ถูกระบุจากนบี ศอ็ลฯ ว่า ท่านชอบให้บรรดาผู้คนพูดเสียงเบาๆ และไม่ชอบ ให้เป็นเสียงดัง และแท้จริงอัลลอฮผู้ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง ทรงเรียก ด้วยเสียง ที่ผู้อยู่ใกล ได้ยิน เหมือนกับผู้ที่อยู่ใกล้ ดังนั้น กรณีนี้ ย่อมไม่ใช่(เสียง)ของผู้อื่นจากอัลลอฮ ผู้ซิ่ง เกียรติของพระองค์ ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง และในหะดิษนี้ เป็นหลักฐาน แสดงบอกว่า แท้จริงเสียงของอัลลอฮ ไม่คล้ายคลึงกับบรรดาเสียงของมัคลูค เพราะเสียงของ อัลลอฮ ผู้ซิ่ง เกียรติ์ของพระองค์ ทรงเกรียงไกร และทรงสูงส่ง ถูกได้ยินจากที่ใกล เหมือนกับได้ยินจากที่ใกล้ และแท้จริง บรรดามลาอิกะฮ พวกเขาเป็นลม/เกิดอาการงงงวย อันเนื่องมาจากได้ยินเสียงอัลลอฮ เพราะ เมื่อมลาอิกะฮเรียก ก็ไม่ถูกทำให้พวกเขา(บรรดาบ่าว) เป็นลม /หรือเกิดอาการงงงวย - - คอ็ลคุอัฟอาลิลอิบาด หน้า 149 หะดิษหมายเลข 173
2.4 อัลบัรบะฮารีย(ฮ.ศ 329) ปราชญสะลัฟ กล่าวว่า
والإيمان بأن الله تبارك وتعالى هو الذي كلم موسى بن عمران يوم الطور، وموسى يسمع من الله الكلام بصوت وقع في مسامعه منه لا من غيره، فمن قال غير هذا، فقد كفر بالله العظيم.
และศรัทธาว่า อัลลอฮผู้ทรงบริสุทธิ์และทรงสูงส่ง พระองค์คือผู้ที่ตรัสกับมูซา บุตร อิมรอน ในวันหนึ่งที่ภูเขาฏูร และมูซา ได้ยิน คำพูดจากอัลลอฮ ด้วยเสียง และมันได้เกิดขึ้นในหูของเขา(หมายถึงได้ยินผ่านหูของเขา)จากพระองค์ ไม่ใช่จากผู้อื่นๆจากพระองค์ ดังนั้นผู้ใด กล่าวอื่นจากนี้ แน่นอนเขาปฏิเสธต่ออัลลอฮผู้ทรงยิ่งใหญ - ชัรหอัสสุนนะฮ หน้า 90 หะดิษหมายเลข 76
2.5 ในหนังสือ ญุุซ ฟีฮี ซิกรุเอียะติกอดสะลัฟ ฟิลหุรูฟ วัลอัสวาต อิหม่ามนะวาวีย์ ได้ตั้งหัวข้อว่า
2.5 ในหนังสือ ญุุซ ฟีฮี ซิกรุเอียะติกอดสะลัฟ ฟิลหุรูฟ วัลอัสวาต อิหม่ามนะวาวีย์ ได้ตั้งหัวข้อว่า
فصل: في ان كلام الله مسموع
บทในเรื่องว่าแท้จริง คำพูดของอัลลอฮ คือสิ่งที่ถูกได้ยิน
แล้วอิหม่ามนะวาวีย์ ได้ยกหลักฐานมากมาย แล้วท่านสรุปว่า
แล้วอิหม่ามนะวาวีย์ ได้ยกหลักฐานมากมาย แล้วท่านสรุปว่า
فعلم بهذه الآيات، أن كلام الله مسموع، والمسموع ليس إلا هذه الحروف والأصوات، فتكون هي كلام الله حقيقة،
ดังนั้น ได้ถูกรู้ ด้วยบรรดาอายะฮเหล่านี้ ว่า คำพูดของอัลลอฮนั้น คือสิ่งที่ถูกได้ยิน และสิ่งที่ถูกได้ยินนั้นไม่ใช่อย่างอื่น นอกจากบรรดาอักษรและบรรดาเสียงเหล่านี้ ดังนั้น มันคือ คำพูดอัลลอฮจริงๆ
- ดู ญุุซ ฟีฮี ซิกรุเอียะติกอดสะลัฟ ฟิลหุรูฟ วัลอัสวาต ของอิหม่ามนะวาวีย์ หน้า 66
- ดู ญุุซ ฟีฮี ซิกรุเอียะติกอดสะลัฟ ฟิลหุรูฟ วัลอัสวาต ของอิหม่ามนะวาวีย์ หน้า 66
.............
เพราะฉะนั้น การอ้างว่า คำพูดอัลลอฮไม่ใช่เสียง และอักษร เป็นการอ้างทีปราศจากหลักฐาน แต่เป็นการนั่งเทียนใช้ตรรกโดยปราศจากหลักฐาน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/2/61
อะสัน หมัดอะดั้ม
5/2/61
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น