วันศุกร์ที่ 4 สิงหาคม พ.ศ. 2560

สะลัฟห้ามอธิบายความหมายอายาตสิฟาตจริงหรือ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ




สะลัฟห้ามอธิบายความหมายอายาตสิฟาตจริงหรือ
Al-Yafaie Bin-nazaie ท่านซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ กล่าวว่า

" สิ่ง(คือคุณลักษณะ)ที่อัลเลาะฮ์ ทรงพรรณนากับพระองค์เอง ในคำภีร์ของพระองค์นั้น การอ่านมันก็คือการตัฟซีรอธิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาติแก่ผู้ใด ทำการอธิบายมัน ด้วยภาษาอาหรับและเปอร์เซีย์ " (ดู อัลอัสมาอ์ วะ อัศศิฟาต ของท่าน อัล-บัยฮะกีย์ หน้า 407 )
...........
ฉนั้น คำว่า.คำดำรัสที่อัลเลาะกล่าวว่า
, الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى
ความหมายตามอากีดาฮ์ของสลัฟนั้นเขาจะไม่ยืนยันความหมายหนึ่งความหมายใด
ดังนั้นความหมายที่ถูกต้องคือ
ผู้ทรงกรุณาปรานี ทรงอิสติวาฮ์เหนือบัลลังก์..
.......................
ไม่ใช่ไปเจาะจงโโยให้ความหมายว่า...อัลเลาะทรงสถิตย์บนบัลลังค์..
แบบนี้มันอากีดาฮ์เดียวกับกับพวกกาฟีรยะฮูดีย์..ที่เชื่อว่าพระเจ้าของพวกเขาก็สถิตย์บนบัลลังค์..นะโตะเเชสัน...
@@@@@

ข้างต้นนาย         Al-Yafaie Bin-nazaie             เอาคำพูดอิบนุอยัยนะฮ มาชงบิดเบือนอ้างว่าสะลัฟไม่เจาะจงความหมายให้ แปลทับศัพท์  อธิบายความหมายอายาตที่เกี่ยวกับคุณลักษณะอัลลอฮ ไม่ได้  และต้นตอที่มาของข้ออ้าง คือ มาจากข้อเขียน ชัยค์สุนนะฮสะติวเด้นได้ เอามาชงไว้ในหนังสือของตัวเองที่เขียนโจมตีอะกีดะฮวะฮบีย์ ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ หน้า 39
โดยชัยค์ใหญซุนนะฮสะติวเด้น กล่าวถึงกลุ่มที่เขาเรียกวะฮบีย์ว่า
ปัจจุบันนี้มีการนำเรื่องสิฟัตมุตาชาบิฮาตมาพูดกับสามัญชนทั่วไปจากกลุ่มวะฮบียะฮ ไม่ว่าจะตามสถาบันหรือสื่อต่างๆจนเกิดฟิตนะฮ ขึ้นในหัวใจของสามัญชนทั่วไปและอ้างว่าเป็นแนวทางอะฮลิสซุนนะฮวัลญะมาอะฮที่สะละฟุศศอลิยึดอยู่.......โดย ชัยค์สะติวเด้นได้อ้างหลักฐานต่อไปนี้ว่า
 ท่านอัลบัยฮะกีย์ได้กล่าวรายงานถึงท่าน ซุฟยาน บิน อุยัยนะฮ์ ว่า
مَا وَصَفَ اللهُ تَبَارَكَ وَتَعَالَى بِنَفْسِهِ فِىْ كِتَابِهِ فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيْرُهُ ، لَيْسَ لِأَحَدٍ أَنْ يُفَسِّرَهُ بِالْعَرَبِيَّةِ وَلاَ بِالْفَارِسِيَّةِ
สิ่งที่อัลเลาะฮ์ทรงพรรณาด้วยกับพระองค์เองในคำภีร์ของพระองค์นั้น การอ่าน(ผ่าน)มันก็คือการอธิบายมันแล้ว โดยที่ไม่อนุญาติให้คนใดคนหนึ่ง ทำการอธิบายมันด้วยภาษาอาหรับหรือภาษาเปอร์เซียดู อัลอัศมาอ์ วะ อัสศิฟาต หน้า 298

.......
ข้างต้นเป็นนำเอาคำพูดอิบนุอุยัยนะฮมาชงบิดเบือน ว่าแปลอายาตสิฟาตไม่ได้  ห้ามเจาะจงความหมายอายาตสิฟาต
ขอชี้แจงว่า
 คำพูดของอิบนุอุยัยนะฮไม่ใช่ห้ามแปลความหมายทางภาษา เกี่ยวกับสิฟาตอัลลอฮ แต่หมายถึงการอธิบายรูปแบบสิฟาต ว่าเป็นอย่างไร มาดูหลักฐานต่อไปนี้
 ซูฟยาน บิน อุยัยนะฮ(ฮ.ศ 198) กล่าวว่า
كُلُّ شَيْءٍ وَصَفَ اللَّهُ بِهِ نَفْسَهُ فِي الْقُرْآنِ ، فَقِرَاءَتُهُ تَفْسِيرُهُ ، لا كَيْفَ وَلا مِثْلَ
ทุกสิ่งที่อัลอฮ พรรณนาคุณลักษณะแก่ตัวของพระองค์ด้วยมัน การอ่านมัน คือ การอธิบายมัน ไม่มีการถามว่าเป็นอย่างไร และไม่มีการยกตัวอย่างเปรียบเทียบ
كتاب الصفات للدارقطني (ص70)؛ شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة للالكائي (ج3 ص431)

อัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 538) อธิบายคำพูดอิบนุอุยัยนะฮว่า
فقراءته تفسيره" أي هو على ظاهره لا يجوز صرفه إلى المجاز بنوع من التأويل
การอ่านของมัน คือการตัฟสีรมัน หมายถึง มันอยู่บนความหมายที่ปรากฏของมัน ไม่อนุญาตให้ผันมันไปสู่ความหมายเชิงอุปมา (มะญาซ) ด้วยชนิดใดๆ จากการตีความดูอัลอุลูว์ลิอะลียิลฆอฟาร หน้า 263 และกิตาบอัลอะรัช เล่ม 2 หน้า 359-360
มาดูอิหม่ามอัซซะฮะบีย์อาธิบายดังนี้

وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
และดังที่ ซูฟยานและอื่นจากเขา กล่าวว่า การอ่านมัน คือ การตัฟสีรมัน หมายถึง แท้จริงมันมีความหมายชัดเจน และแจ่มแจ้งในทางภาษา และไม่สมควร ทำให้ยุ่งยากด้วยการตีความและเปลี่ยนแปลงความหมาย และนี้คือ แนวทางของสะลัฟ พร้อมทั้งการเห็นฟ้องของพวกเขา อีกว่า ไม่คล้ายคลึงกับ บรรดาลักษณะของมนุษย์ จะด้วยทางใดๆ (ก็ตาม) เพราะ พระผู้ทรงสร้าง ไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบใดๆสำหรับพระองค์ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับซาตของพระองค์ และ ไม่ว่าเกี่ยวกับบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ก็ตาม ดู อัลอุลูวีย ลิอะลียิลฆอฟฟาร หน้า 251

ยกตัวอย่าง หะดิษนูซูล (หะดิษที่กล่าวถึงทรงเสด็จลงมา) ท่าน อบูสุลัยมัน อัลคิฏอบีย์ (ฮ.ศ 388) อธิบายว่า

هذا الحديث وما أشبهه من الأحاديث في الصفات كان مذهب السلف فيها الإيمان بها، وإجراءها على ظاهرها ونفي الكيفية عنها.

หะดิษนี้ และ สิ่งที่คล้ายคลึงกับมัน จากบรรดาหะดิษสิฟาต ปรากฏว่า มัซฮับสะลัฟ ในมัน(ในบรรดาหะดิษสิฟาต) คือ การศรัทธาด้วยมัน และปล่อยมันให้ดำเนินไปตามความหมายที่ปรากฏของมัน และปฏิเสธการอธิบายรูปแบบวิธีการจากมัน ดู อัลอัสมาอวัสสิฟาต ของอัลบัยฮะกีย์ เล่ม 2 หน้า 377
อัลลามะฮ อัลอะลูซีย์กล่าวว่า
وقد صح عن بعض السلف أنهم فسروا ففي صحيح البخاري: قال مجاهد: "استوى على العرش" "علا على العرش"، وقال أبو العالية: "استوى على العرش" "ارتفع
และ มีรายงานเศาะเฮียะ จากบางส่วนของสะลัฟ ว่า พวกเขาอธิบาย (อายาตสิฟาต) และในเศาะเฮียะบุคอรี ระบุว่า มุญาฮิด กล่าวว่า อิสตะวา บน อะรัช หมายถึง ทรงอยู่สูง เหนืออะรัช และอบูอัลอะลียะฮ กล่าวว่า อิสตะวา บน อะชัช หมายถึง สูง(เหนืออะรัช ) ดู ตัฟสีรูหุลมะอานีย์ 16/159
>>>> 

มุญะฮิด ปราชญ์สะลัฟ  อธิบายความหมาย   استوى  ว่า หมายถึง  علا على العرش   (อยู่สูงเหนืออะรัช)
อบูอัลอาลียะฮ ปราชญ์สะลัฟ อธิบายความหมาย       استوى  ว่าหมายถึง      ارتفع    (สูง ) ซึ่งหมายถึง ทรงสูงเหนืออะรัชนั้นเอง 
เพราะฉะนั้น การอ้างว่า ห้ามอธิบายความหมายเป็นการบิดเบือน อะกีดะฮ เพราะอิบนุอุยัยนะฮ ไม่ได้กล่าวถึงห้ามอธิบายความหมายแต่อย่างใด เพราะฉะนั้นคำว่า ไม่อธิบาย ในที่นี้ ในทัศนะสะลัฟ คือการอธิบายรูปแบบวิธีการ(الكيفية )ไม่ใช่ห้ามอธิบายความหมาย
อบูลกอซิม อิสมาอีลอัลอัศบะฮานีย์ (ฮ.ศ 535)
وقد سُئل عن صفات الرب تعالى فقال: (مذهب مالك، والثوري، والأوزاعي، والشافعي، وحماد ابن سلمة، وحماد بن زيد، وأحمد، ويحيى بن سعيد القطان، وعبد الرحمن بن مهدي، وإسحاق بن راهويه، أن صفات الله التي وصف بها نفسه، ووصفه بها رسوله، من السمع، والبصر، والوجه، واليدين، وسائر أوصافه، إنما هي على ظاهرها المعروف المشهور، من غير كيف يتوهم فيها، ولا تشبيه ولا تأويل،
แท้จริงเขา(อบูลกอซิม อิสมาอีลอัลอัศบะฮานีย์)ถูกถามเกี่ยวกับ บรรดาคุณลักษณะ ของพระเจ้า ผู้ทรงสูงส่ง (เขากล่าวว่า "มัซฮับมาลิก,อัษเษารีย์,อัลเอาซาอีย์,อัชชาฟิอี,หัมมาด บิน สะละมะฮ ,หัมมาด บิน เซด ,อะหมัด,ยะหยา บิน สะอีด อัลกอฏฏอน ,อับดุรเราะหมาน บิน มะฮดีย์ และอิสหาก บิน รอฮะวียะฮ คือ แท้จริงบรรดาสิฟาตของอัลลอฮ ที่พระองค์ทรงพรรนณาคุณลักษณะ แก่พระองค์เองด้วยมัน และที่รอซูลของพระองค์ ได้พรรณาคุณลักษณะแก่พระองค์ด้วยมัน จากคำว่า อัสสัมอฺ(ทรงได้ได้ยิน) ,อัลบะศอร(ทรงเห็น),อัลวัจญฮ)ใบหน้า ,อัลยะดัยน(สองมือ)และบรรดาคุณลักษณะอื่น ของพระองค์ ,ความจริง มันอยู่ บนความหมายที่ปรากฏของมัน ที่เป็นที่รู้จักที่เป็นที่แพร่หลาย โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร ที่เขานึกมโนภาพ(จินตนาการ)ในมัน ,ไม่เปรียบเทียบและไม่ทำการตีความ -
ในภาพอาจจะมี ข้อความไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติالعلو للعلي الغفار للذهبي (ص263)؛ وكتاب العرش له (ج2 ص359-
360
.......................
เพราะฉะนั้น คำพูดสะลัฟ ไม่ได้หมายถึงห้ามแปลความหมายในทางภาษา โดยให้อ่านทับศัพท์อย่างที่ถูกบิดเบือน คำว่า
إنما هي على ظاهرها المعروف المشهور، من غير كيف يتوهم فيها، ولا تشبيه ولا تأويل          
ความจริง มันอยู่ บนความหมายที่ปรากฏของมัน ที่เป็นที่รู้จักที่เป็นที่แพร่หลาย โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร ที่เขานึกมโนภาพ(จินตนาการ)ในมัน ,ไม่เปรียบเทียบและไม่ทำการตีความ –
...........
ชัดเจนว่า สะลัฟ ยืนยันสิฟาตบนความหมายที่ปรากฏของมันตามตัวบท ที่เป็นที่รู้จักกันที่แพร่หลาย โดยไม่ถามรูปแบบว่าเป็นอย่างไร ,ไม่จินตนาการ ,ไม่เปรียบกับมัคลูคและไม่ตีความ 
ดังนั้นการอ้างว่าสะลัฟปล่อยผ่านโดยไม่เจาะจงความหมาย ไม่อธิบายความหมาย ไม่รู้ความหมายนั้นเป็นการบิดเบือนอะกีดะฮสะลัฟ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
4/8/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น