วันจันทร์ที่ 31 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

การรับรองถ้อยคำและความหมายในทางภาษาไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟจริงหรือ


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


การรับรองถ้อยคำและความหมายในทางภาษาไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟจริงหรือ
แนวทางสุนนะห์ อากีดะห์สลัฟ
เพราะจริงๆแล้ว ตามหลักอาหรับ การยืนยันลาฟาซนั้นคือการยืนยันความหมายแล้ว ฉะนั้นการที่เชคเฟาซาน ให้ยืนยันลาฟาซพร้อมกับอธิบายความหมายถือว่า ผิดจากอากีดะห์สลัฟ
@@@@
ชี้แจง
คุณ นามแฝง แนวทางสุนนะห์ อากีดะห์สลัฟ ได้เข้ามาโต้แย้งว่า การแปลความหมายสิฟาตอิสติวาอฺ ว่า สถิต หรือ ประทับ ว่าไม่ถูกต้อง โดยอ้างอาจารย์มหาลัยดัง โดยท้าให้ไปถามอาจารย์ดังกล่าว จนกระทั้ง เขาได้ โต้แย้งว่า การรับรองหรือยืนยัน(อิษบาต) คุณลักษณะอัลลอฮ ด้วยถ้อยคำและความหมายนั้น ไม่ใช่อะกีดะฮสะลัฟ
ขอนำคำพูด ชัยค์เฟาซานที่กล่าวถึงคือ
เช็คศอลิห อัลเฝาซาน (ขออัลลอฮโปรดป้กป้องรักษาเขาด้วยเถิด) กล่าวว่า
"السلف لم يكن مذهبهم التفويض ، وإنما مذهبهم الإيمان بهذه النصوص كما جاءت ، وإثبات معانيها التي تدلُّ عليها على حقيقتها ووضعها اللغوي ، مع نفي التَّشبيه عنها ؛ كما قال تعالى : (لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ البَصِيرُ) الشورى/ 11" انتهى .
สะลัฟนั้น มัซฮับ(แนวทาง)ของพวกเขาไม่ใช่การ ตัฟวีฎ ความจริงมัซฮับของพวกเขาคือ การศรัทธา ด้วยบรรดาตัวบทเหล่านี้ (ตัวบทเกี่ยวกับสิฟัต) ตามที่มันได้มีมา และรับรองความหมายของมัน ที่แสดงบอกถึงมันบนความจริงของมัน และการกำหนดมัน ในรูปของภาษาคำพูด พร้อมกับปฏิเสธการคล้ายคลึง(กับมัคลูค)จากคำนั้น ดังที่อัลลอฮ ตะอาลาตรัสว่า “ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ ทรงเป็นผู้ได้ยินและเป็นทรงเห็น) – อัชชูรอ/11 - อัลมุนตะกอ ฟัตวาชัยคอัลเฟาซาน เล่ม 1 หน้า 25
เช็คเฝาซาน กล่าวว่า “สะลัฟนั้น มัซฮับ(แนวทาง)ของพวกเขาไม่ใช่การ ตัฟวีฎ หมายถึง การตัฟวีฎ ทั้งความหมายและรูปแบบวิธีการ คือ ไม่แปลความหมาย ไม่อธิบาย ความจริงการตัฟวีฎของสะลัฟคือ การเชื่อในความหมายของคำว่า อิสติวาอฺ “เป็นความหมายจริง ไม่ใช่อุปมา ส่วนรูปแบบวิธีการเป็นอย่างไรนั้น มอบความรู้นั้นแก่อัลลอฮ เพราะพระองค์ตรัสว่า ““ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์ ทรงเป็นผู้ได้ยินและเป็นทรงเห็น” 
........
จากฟัตวา ของชัยค์ ข้างต้น คุณนามแฝง แนวทางสุนนะห์ อากีดะห์สลัฟ โต้แย้งชัยค์เฟาซานว่า
เพราะจริงๆแล้ว ตามหลักอาหรับ การยืนยันลาฟาซนั้นคือการยืนยันความหมายแล้ว ฉะนั้นการที่เชคเฟาซาน ให้ยืนยันลาฟาซพร้อมกับอธิบายความหมายถือว่า ผิดจากอากีดะห์สลัฟ
ดังนั้น ผมจึงขอชี้แจงดังนี้
ผมยืนยันว่า อะกีดะฮของสะลัฟ ในการรับรองคุณลักษณะ(สิฟาต)อัลลอฮนั้น พวกเขารับรองถ้อยคำและความหมายในทางภาษา โดยไม่ถามและอธิบายถึงรูปแบบวิธีการ(كيفية )ว่าเป็นอย่างไร โดยหลักฐานยืนยันต่อไปนี้คือ
1. การอ้างว่าสะลัฟไม่รู้ความหมาย และรับรองถอ้ยคำของสิฟาตอย่างเดียวนั้น เป็นแนวคิดพวกอะฮลุตตัจญฮีล และเป็นการแอบอ้างแนวทางสะลัฟ ดังคำอธิบาย อิบนุอะบิลอิซ อัดดะมัชกีย์อัลหะนะฟีย์ ได้กล่าวถึงแก่นแท้ของพวก อัศหาบุตตัจญฮีลวัตตัฎลีลว่า 
وَأَمَّا أَهْلُ التَّجْهِيلِ وَالتَّضْلِيلِ ، الَّذِينَ حَقِيقَةُ قَوْلِهِمْ : إِنَّ الْأَنْبِيَاءَ وَأَتْبَاعَ الْأَنْبِيَاءِ جَاهِلُونَ ضَالُّونَ ، لَا يَعْرِفُونَ مَا أَرَادَ اللَّهُ بِمَا وَصَفَ بِهِ نَفْسَهُ مِنَ الْآيَاتِ وَأَقْوَالِ الْأَنْبِيَاءِ ! وَيَقُولُونَ : يَجُوزُ أَنْ يَكُونَ لِلنَّصِّ تَأْوِيلٌ لَا يَعْلَمُهُ إِلَّا اللَّهُ ، لَا يَعْلَمُهُ جَبْرَائِيلُ وَلَا مُحَمَّدٌ وَلَا غَيْرُهُ مِنَ الْأَنْبِيَاءِ ، فَضْلًا عَنِ الصَّحَابَةِ وَالتَّابِعِينَ لَهُمْ بِإِحْسَانٍ ، وَأَنَّ مُحَمَّدًا صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ كَانَ يَقْرَأُ : الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى [ طه : 5 ] . إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ [ فَاطِرٍ : 10 ] . مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ [ ص : 75 ] 
[وَهُوَ لَا يَعْرِفُ مَعَانِيَ هَذِهِ الْآيَاتِ ! بَلْ مَعْنَاهَا الَّذِي دَلَّتْ عَلَيْهِ لَا يَعْرِفُهُ إِلَّا اللَّهُ تَعَالَى ! ! وَيَظُنُّونَ أَنَّ هَذِهِ طَرِيقَةُ السَّلَفِ 
และสำหรับอะฮลุตตัจญฮีล วัตตัฎลีล บรรดาผู้ซึ่ง แก่นแท้คำพูดของพวกเขาคือ (อ้างว่า) แท้จริงบรรดานบี ,บรรดาผู้ที่ตามบรรดานบี พวกเขาโง่ และลุ่มหลง พวกเขาไม่รู้ สิ่งที่อัลลอฮ มุ่งหมาย ด้วยสิ่ง ที่พระองค์ทรงพรรณนาคุณลักษณะ แก่พระองค์เองด้วยมัน จากบรรดาอายะฮและบรรดาคำพูดของบรรดานบี และพวกเขากล่าวว่า อนุญาต ให้ตีความตัวบท ที่ไม่มีใครรู้ มันนอกจากอัลลอฮ ได้ ,ญิบรีล ,มุหัมหมัด,และคนอื่นจากเขา จากบรรดานบี ก็ไม่รู้มัน (ไม่รู้ความหมายของมัน) ยิ่งไปกว่านั้น บรรดาเศาะหาบะฮ และบรรดาผู้เจริญรอยตามพวกเขา ด้วยความดีงาม และแท้จริงมุหัมหมัด ศอ็ลฯ อ่านอายะฮที่ว่า
الرَّحْمَنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَى [ طه : 5 ]
พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงสถิตเหนือบัลลังค์ – ฏอฮา/5
. إِلَيْهِ يَصْعَدُ الْكَلِمُ الطَّيِّبُ [ فَاطِرٍ : 10 ]
คำกล่าวที่ดีจะ (ถูกพา) ขึ้นสู่พระองค์ – ฟาฏีร/10
مَا مَنَعَكَ أَنْ تَسْجُدَ لِمَا خَلَقْتُ بِيَدَيَّ [ ص : 75
“อะไรเล่าที่ขัดขวางเจ้ามิให้เจ้าสุญูดต่อสิ่งที่ข้าได้สร้างด้วยมือทั้งสองของข้า ?- ศอด/75 
โดยที่เขา(นบีมุหัมหมัด) ไม่รู้จักความหมายอายะฮเหล่านี้ ยิ่งไปกว่านั้น ความหมายของมัน ที่แสดงบอกแก่เขา(มุหัมหมัด) เขาไม่รู้จักมัน นอกจากอัลลอฮเท่านั้น และพวกเขา (หมายถึงอะฮลุตตัจญฮีล) เข้าใจว่า นี้คือ แนวทางสะลัฟ – ชัรหุอะกีดะฮอัฏเฏาะหาวียะฮ 2/75 
................ 
พวกอะฮลุตตัจญฮีล เข้าใจว่า บรรดาอายะฮต่างๆ ที่เกี่ยวกับสิฟาตอัลลอฮ ไม่มีใครรู้ความหมาย นอกจากอัลลอฮ แม้แต่นบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯ เองก็ไม่รู้ ความหมายและ นบีมุหัมหมัด ศอ็ลฯ แค่อ่านมันเท่านั้น แต่ไม่รู้ความหมาย นอกจากอัลลอฮ 
แล้วพวกเขาเข้าใจว่า นี้คือแนวสะลัฟ 
2. มีรายงานมากมากมายว่า สะลัฟอธิบายความหมายอายาตสิฟาต และเจาะจงความหมาย เช่น
2.1 อัลลามะฮ อัลอะลูซีย์ (ร.ฮ) กล่าวว่า
وقد صح عن بعض السلف أنهم فسروا ففي صحيح البخاري: قال مجاهد: "استوى على العرش" "علا على العرش"، وقال أبو العالية: "استوى على العرش" "ارتفع
และ มีรายงานเศาะเฮียะ จากบางส่วนของสะลัฟ ว่า พวกเขาอธิบาย (อายาตสิฟาต) และในเศาะเฮียะบุคอรี ระบุว่า “มุญาฮิด กล่าวว่า “อิสตะวา บน อะรัช หมายถึง อยู่สูง เหนืออะรัช และอบูอัลอะลียะฮ กล่าวว่า “อิสตะวา บน อะชัช หมายถึง สูง(เหนืออะรัช ) – ดู ตัฟสีรูหุลมะอานีย์ 16/159 
>>>> 
ข้างต้น แสดงให้เห็นว่าสะลัฟรู้ความหมาย อายาตสิฟาต แล้วเขาก็อธิบายความหมายของถ้อยคำที่ปรากฏในตัวบทที่มีมาในอัลกุรอ่าน ว่า คำว่า อิสตะวา อะลัลอะรัช คือ อยู่สูงเหนืออะรัช เพราะคำว่า استوى ตามด้วยคำว่า على นั้น ความหมายคือ อยู่สูง
2.2 เช็คมุหัมหมัดรอชีด ริฎอ กล่าวว่า
لَمْ يَقُلْ أَحْمَدُ وَلَا غَيْرُهُ مِنَ السَّلَفِ : إِنَّ فِي الْقُرْآنِ آيَاتٍ لَا يَعْرِفُ الرَّسُولُ وَلَا غَيْرُهُ مَعْنَاهَا بَلْ يَتْلُونَ لَفْظًا لَا يَعْرِفُونَ مَعْنَاهُ .
อะหมัด และ คนอื่นจากเขา จากสะลัฟ ไม่ได้กล่าวว่า แท้จริงในอัลกุรอ่าน มีบรรดาอายะฮ ที่รอซูลและอื่นจากท่านไม่รู้ความหมายของมัน แต่ทว่า พวกเขาอ่านถ้อยคำ โดยพวกเขาไม่รู้ความหมายของมัน – ดูตัฟสีรอัลมะนาร 3/145 
>>>>>> 
หมายความว่า อิหม่ามอะหมัดและสะลัฟคนอื่น ไม่เคยพูดว่า ในอัลกุรอ่านมีอายะฮที่รอซูลและคนอื่นไม่รู้ความหมาย แต่อ่านถ้อยคำอย่างเดียว ไม่รู้ความหมาย 
2.3 ชัยคุลอิสลาม อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ) กล่าวว่า
أن الصحابة والتابعين لم يمتنع أحد منهم عن تفسير آية من كتاب الله، ولا قال: هذه من المتشابه الذي لا يعلم معناه، ولا قال قط أحد من سلف الأمة، ولا من الأئمة المتبوعين: إن في القرآنِ آياتٍ لا يعلم معناها رسول الله صلى الله عليه وسلم، ولا أهل العلم والإيمان جميعهم، وإنما قد ينفون علم بعض ذلك من بعض الناس، وهذا لا ريب فيه 
แท้จริง เศาะหาบะฮและบรรดาตาบิอีน ไม่มีคนใดจากพวกเขา ห้ามอธิบายอะยะฮใดๆจากอัลกุรอ่าน และเขาไม่ได้กล่าวว่า นี้คือส่วนหนึ่งจากอายะฮมุตะชาบิฮาต ที่ เขาไม่รู้ความหมายของมัน ไม่มีแม้แต่คนเดียวจากสะลัฟแห่งอุมมะฮ และ บรรดาอิหม่ามที่ถูกปฏิบัติตาม พูดว่า ในอัลกุรอ่าน มีบรรดาอายาตที่ รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ,นักวิชาการ และ ผู้ศรัทธา ทั้งหมดนั้น ไม่ รู้ความหมายของมัน ความจริง พวกเขาปฏิเสธ ความรู้บางส่วนของดังกล่าวจากบรรดาผู้คนบางส่วน และกรณีนี้ ไม่มีการสงสัยใดๆในมัน- มัจญมัวะอัลฟาตาวา 13/285 เรื่อง ตัฟสีร 
..........
กล่าวคือ ไม่มีเศาะหาบะฮ ,ตาบินอีนและบรรดาอิหม่ามคนใดบอกว่าในอัลกุรอ่านมีอายะฮที่ไม่รู้ความหมาย ความจริง มีบางส่วนของอายะฮอัลลอฮกุรอ่าน ที่มีคนบางส่วนไม่รู้กรณีนี้ ย่อมมี เพราะมนุษย์ มีผู้มีความรู้ และมีคนอาวามที่ไม่มีความรู้
2.4 อิหม่ามอัซซะฮะบีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า
وكما قال سفيان وغيره "قراءتها تفسيرها"، يعني أنها بينة واضحة في اللغة، لا يبتغى بها مضائق التأويل والتحريف. وهذا هو مذهب السلف مع إتفاقهم أيضا أنها لا تُشْبِه صفات البشر بوجه إذ الباري لا مثل له لا في ذاته ولا في صفاته
และดังที่ ซูฟยานและอื่นจากเขา กล่าวว่า “การอ่านมัน คือ การตัฟสีรมัน หมายถึง แท้จริงมันมีความหมายชัดเจน และแจ่มแจ้งในทางภาษา และไม่สมควร ทำให้ยุ่งยากด้วยการตีความและเปลี่ยนแปลงความหมาย และนี้คือ แนวทางของสะลัฟ พร้อมทั้งการเห็นฟ้องของพวกเขา อีกว่า ไม่คล้ายคลึงกับ บรรดาลักษณะของมนุษย์ จะด้วยทางใดๆ (ก็ตาม) เพราะ พระผู้ทรงสร้าง ไม่มีตัวอย่างเปรียบเทียบใดๆสำหรับพระองค์ ไม่ว่าจะเกี่ยวกับซาตของพระองค์ และ ไม่ว่าเกี่ยวกับบรรดาคุณลักษณะของพระองค์ก็ตาม –ดู อัลอุลูวีย ลิอะลียิลฆอฟฟาร หน้า 251
.......
ท่านอิหม่ามอัซซะฮะบีย์ บอกว่า ความหมายของสิฟาต ชัดเจนแจ่มแจ้งในทางภาษา แสดงให้เห็นว่าสะลัฟรู้ความหมายในทางภาษา เป็นไปได้อย่างไร ว่ารู้ความหมายแล้วไม่รับรองความหมาย
2.5 อบูบักร์ อิบนุอัลอะเราะบีย์ อัลมะลิกีย์ (ฮ.ศ 543)
ท่านได้อธิบายหะดิษสิฟัตในสุนันติรมิซีย์ว่า
ومذهب مالك رحمه الله أن كل حديث منها معلوم المعنى، ولذلك قال للذي سأله: "الاستواء معلوم، والكيفية مجهولة
และแนวทางของมาลิก (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) แท้จริงทุกหะดิษจากมัน(จากหะดิษที่ระบุเกี่ยวกับสิฟาต) ความหมาย เป็นที่รู้กัน และเพราะดังกล่าว เขาได้กล่าวแก่ผู้ที่ถามเขาว่า " อัลอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ไม่เป็นที่รู้กัน -อาริเฎาะตุลอะหวะซีย์ เล่ม 3 หน้า 166
....
เมื่อสะลัฟรู้ความหมาย ไปปรากฏว่า สะลัฟรับรองถ้อยคำอย่างเดียว และปฏิเสธความหมาย
2.6 . ท่านอิมามอบูญะอฺฟัร มุฮัมมัด อิบนุ ญะรีร อัฏฏอบรียฺ (เสียชีวิตปีฮ.ศ.310) กล่าวว่า
فنثبت كل هذه المعاني التي ذكرنا أنها جاءت بها الأخبار والكتاب والتنزيل على ما يُعقل من حقيقة الإثبات ، وننفي عنه التشبيه فنقول : يسمع جل ثناؤه الأصوات ، لا بخرق في أذن ، ولا جارحة كجوارح بني آدم . وكذلك يبصر الأشخاص ببصر لا يشبه أبصار بني آدم التي هي جوارح لهم. وله يدان ويمين وأصابع ، وليست جارحة ، ولكن يدان مبسوطتان بالنعم على الخلق ، لا مقبوضتان عن الخير ، ووجه لا كجوارح بني آدم التي من لحم ودم. ونقول : يضحك إلى من شاء من خلقه ، لا تقول: إن ذلك كشر عن أنياب ، ويهبط كل ليلة إلى سماء الدنيا
: ดังนั้นเราจึงยืนยันความหมายเหล่านี้ทั้งหมดที่เราได้บอกว่าแท้จริงฮะดีษต่างๆและอัลกุรอานนั้นได้นำมันมา เราก็ยืนยันมันไปตามความหมายที่ถูกเข้าใจจากกการยืนยันความหมายจริงๆตรงตามตัวของมัน แต่เราก็จะปฏิเสธการเปรียบเทียบให้เหมือนมัคลูก ดังนั้นเราจึงจะกล่าวว่า : พระองค์ جل ثناؤه ทรงได้ยินเสียงต่างๆ แต่ไม่ใช่ด้วยกับรูหู และไม่ใช่ด้วยกับอวัยวะดังเช่นอวัยวะของมนุษย์ และในทำนองเดียวกัน พระองค์ทรงเห็นบุคคลต่างๆด้วยกับสายตาที่ไม่เหมือนกับสายตาของมนุษย์ที่มันคืออวัยวะของพวกเขา
และพระองค์ทรงมีสองมือ ทรงมีมือขวา และมีนิ้ว แต่มันไม่ใช่อวัยวะ แต่ทว่าคือมือทั้งสองที่ถูกแบออกไปให้ความโปรดปรานต่างๆต่อสิ่งถูกสร้างของพระองค์ ไม่ใช่สองมือที่ถูกกำไว้ไม่ให้คุณงามความดีใดๆและทรงมีใบหน้าที่ไม่เหมือนกับอวัยวะของมนุษย์ที่มาจากเลือดและเนื้อ
และเรากล่าวว่า : พระองค์ทรงหัวเราะผู้ที่พระองค์ทรงประสงค์จากสิ่งถูกสร้างของพระองค์ และเราจะไม่กล่าวว่า : แท้จริงสิ่งดังกล่าวนั้นคือการเผยให้เห็นฟัน(คือลักษณะของการหัวเราะตามที่รู้กัน คือการอ้าปากเผยให้เห็นฟัน)
และพระองค์ทรงเสด็จลงมายังชั้นฟ้าดุนยาในทุกๆค่ำคืน- อัตตับศีร ฟีมะอาลิมิดดีน หน้า 141-145
.............ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
ข้างต้น ชัดเจนว่า สะลัฟยืนยันความหมายสิฟาต โดยไม่เปรียบกับบรรดามัคลูค เพราะฉะนั้นการอ้างว่า การรับรองถ้อยคำและความหมายทางภาษา ไม่ใช่แนวทางสะลัฟ คือ การบิดเบือน
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/8/60

วาทกรรมบิดเบือนความหมายคำพูดสะลัฟ


ในภาพอาจจะมี ข้อความ


วาทกรรมบิดเบือนความหมายคำพูดสะลัฟ
Al-Yafaie Bin-nazaie
เรามาดูคำหมกเหม็ของโตะเเชสัน โตะคอมวะฮาบีย์คนนี้.ที่ให้สำนวนความหมายตาม แนวทางอากีดาฮ์แนวทางที่ตนเองยึดถือกันต่อครัช..
..........
ประโยคที่ว่า. بلا كيف، นี้โตะแชสัน บิดเบือนความหมายว่ามันหมายถึง"โดยไม่ระบุรูปแบบวิธีการ(ว่าเป็นอย่างไร)"
จริงๆความหมายที่ถูกต้องของคำว่า. بلا كيف، จะหมายถึง.."ไม่มีรูปแบบวิธีการ"
.......................@@@@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นการอ้างเท็จ แปลบิดเบือนความหมายคำว่า
بلا كيف
ซึ่งเป็น หลักการอิษบาตคุณลักษณะของอัลลอฮ ว่า โดยไม่ถามว่า เป็นอย่างไร
แต่นาย แปลบิดเบือน คำว่า
بلاكيف
ว่า ไม่มีรูปแบบ
อันนี้เป็นการแปล บิดเบือน นั่งเทียนแปลแล้วกล่าวหาคนอื่นว่าแปลผิด เข้าทำนอง "ไม่รู้แล้วมาชี้" เพราะว่า ความจริง คำว่ารูปแบบวิธีการนั้นมี แต่ ไม่มีใครรู้ว่าเป็นแบบใหน
ดังที่ อิหม่ามมาลิก (ร.ฮ) กล่าวว่า
الاستواء معلوم ، والكيف مجهولٌ ، والإيمان بـــه واجبٌ ، والسؤال عنه بدعةٌ
อัลอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ถูกไม่รู้(ไม่เป็นที่รู้กัน) และกาศรัทธาด้วยมันนั้น วาญิบ และการถามจากมัน คือบิดอะฮ
ดูที่มา
رواه اللالكائي في " شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة " (3/441) والبيهقي في "الأسماء والصفات " (ص 408) وصححه الذهبي وشيخ الإسلام والحافظ ابن حجر
คำว่า بلا كيف หมายถึงจะไม่ถามว่าเป็นอย่างไร คือไม่ถามถึงรูปแบบวิธีการ เช่น
อิหม่ามอัตติรมิซีย์ กล่าวว่า
وَقَدْ قَالَ غَيْرُ وَاحِدٍ مِنْ أَهْلِ الْعِلْمِ فِى هَذَا الْحَدِيثِ وَمَا يُشْبِهُ هَذَا مِنَ الرِّوَايَاتِ مِنَ الصِّفَاتِ وَنُزُولِ الرَّبِّ تَبَارَكَ وَتَعَالَى كُلَّ لَيْلَةٍ إِلَى السَّمَاءِ الدُّنْيَا، قَالُوا: قَدْ تَثْبُتُ الرِّوَايَاتُ فِى هَذَا، وَيُؤْمَنُ بِهَا، وَلاَ يُتَوَهَّمُ، وَلاَ يُقَالُ: كَيْفَ
และแท้จริง นักวิชาการจำนวนมาก ได้กล่าว เกี่ยวกับหะดิษนี้ และสิ่งที่คล้ายคลึงกับหะดิษนี้ จากบรรดารายงาน เกี่ยวกับบรรดาสิฟาต และการเสด็จลงมา ของพระเจ้า ผู้ทรงบริสุทธิ์ และผู้ทรงสูงส่ง สู่ฟากฟ้าดุนยา ทุกคืน ,พวกเขากล่าวว่า “แท้จริงบรรดารายงานในหะดิษนี้ มีความแน่นอน (หมายถึงเป็นความจริง) และถูกศรัทธาด้วยมัน และ มันจะไม่ถูกจินตนาการ(ว่าเป็นอย่างไร) และจะไม่ถูกกล่าวว่า เป็นอย่างไร อย่างไร -สุนันอัตติรมิซีย 3/50
อิหม่ามติรมิซีย์(ร.ฮ) กล่าวอีกว่า
وَالْمَذْهَبُ فِي هَذَا عِنْدَ أَهْلِ الْعِلْمِ مِنْ الْأَئِمَّةِ مِثْلِ سُفْيَانَ الثَّوْرِيِّ وَمَالِكِ بْنِ أَنَسٍ وَابْنِ الْمُبَارَكِ وَابْنِ عُيَيْنَةَ وَوَكِيعٍ وَغَيْرِهِمْ أَنَّهُمْ رَوَوْا هَذِهِ الْأَشْيَاءَ ثُمَّ قَالُوا تُرْوَى هَذِهِ الْأَحَادِيثُ وَنُؤْمِنُ بِهَا وَلَا يُقَالُ كَيْفَ
และแนวทางในทัศนะนักวิชาการ จากบรรดาอิหม่าม ในเรื่องนี้ เช่น ซูฟยาน อัษเษารีย์ ,มาลิก บิน อานัส ,อิบนุอัลมุบารอ็ก ,อิบนุอุยัยนะฮ,วะเกียะ และคนอื่นๆจากพวกเขา แท้จริงพวกเขารายงานสิ่งต่างๆเหล่านี้ หลังจากนั้นพวกเขากล่าวว่า "บรรดาหะดิษเหล่านี้(หมายถึงหะดิษสิฟาต) ได้ถูกรายงาน และเราศรัทธาด้วยมัน และจะไม่ถูกกล่าวว่า "เป็นอย่างไร - ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
الجامع الكبير للترمذي المعروف بـ"سنن الترمذي" (ج4 ص318)
คำพูดสะลัฟที่ว่า
أمروها بلا كيف
ปล่อยมันให้ผ่านไปโดยไม่ถามถึงรูปแบบวิธีการ หรือไม่อธิบายรูปแบบวิธีการ
อัลมุบาเราะกาฟูรีย์ อธิบายว่า
بصيغة الأمر من الامرار أي أجردها على ظاهرها ولا تعرضوا لها بتأويل ولا تحريف بل فوضوا الكيف إلى الله سبحانه وتعالى
ด้วยสำนวนของคำสั่ง ที่มาจากรากศัพท์คำว่า อัลอิมรอรุ หมายถึง ปล่อยมันให้คงอยู่บนความหมายที่ปรากฏของมัน และพวกท่านอย่าแสดงมันด้วยการตีความ(ตะวีล)และเปลี่ยนแปลง แต่ทว่า จงมอบหมายรูปแบบวิธีการ แก่อัลลอฮ ซุบฮานะฮูวะตะอาลา – ตุหฟะตุลอะหวะซีย เล่ม 3 หน้า 267
قال أحمد الدروقي: سمعت وكيعاً يقول: نسلم هذه الأحاديث كما جاءت ولا نقول كيف كذا، ولا لم كذا
อะหมัด อัดเดาเราะกีย์ กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ยินวาเกียะ กล่าวว่า "เรายอมรับบรรดาหะดิษเหล่านี้ (หมายถึงบรรดาหะดิษสิฟาต) ดังเช่นที่มันมีมา และเราจะไม่กล่าวว่า ทำไมจึงเป็นเช่นนั้นและเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น? -ดู อัสิฟาต ของอิหม่ามอัดดารุกุฏนีย์ หน้า 41
خْبَرَنَا أَبُو مُحَمَّدِ بْنُ عُلْوَانَ ، أَخْبَرَنَا عَبْدُ الرَّحْمَنِ بْنُ إِبْرَاهِيمَ ، أَخْبَرَنَا عَبْدُ الْمُغِيثِ بْنُ زُهَيْرٍ ، حَدَّثَنَا أَحْمَدُ بْنُ عُبَيْدِ اللَّهِ ، حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ عَلِيٍّ الْعُشَارِيُّ ، أَخْبَرَنَا أَبُو الْحَسَنِ الدَّارَقُطْنِيُّ ، أَخْبَرَنَا مُحَمَّدُ بْنُ مَخْلَدٍ ، أَخْبَرَنَا الْعَبَّاسُ الدُّورِيُّ ، سَمِعْتُ أَبَا عُبَيْدٍ الْقَاسِمَ بْنَ سَلَّامٍ - وَذَكَرَ الْبَابَ الَّذِي يُرْوَى فِيهِ الرُّؤْيَةُ ، وَالْكُرْسِيَّ مَوْضِعَ الْقَدَمَيْنِ وَضَحِكَ رَبُّنَا ، وَأَيْنَ كَانَ رَبُّنَا - فَقَالَ : هَذِهِ أَحَادِيثُ صِحَاحٌ حَمَلَهَا أَصْحَابُ الْحَدِيثِ وَالْفُقَهَاءُ بَعْضُهُمْ عَنْ بَعْضٍ ، وَهِيَ عِنْدَنَا حَقٌّ لَا نَشُكُّ فِيهَا ، وَلَكِنْ إِذَا قِيلَ : كَيْفَ يَضْحَكُ ؟ وَكَيْفَ وَضَعَ قَدَمَهُ ؟ قُلْنَا : لَا نُفَسِّرُ هَذَا ، وَلَا سَمِعْنَا أَحَدًا يُفَسِّرُهُ .
คำแปลตัวบท
อัลอับบาส อัดูรีย์ กล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ยิน อบูอุบัย อัลกอสิม บิน สะลาม (ฮ.ศ 224) และเขาได้ ระบุ เรื่องที่ถูกรายงาน ในมัน เกี่ยวกับ การเห็นอัลลอฮ ,เก้าอี้ ที่วางสองเท้า(ของอัลลอฮ) ,พระเจ้าของเราหัวเราะ และ พระเจ้าของเราอยู่ไหน เขา (อบูอุบัย อัลกอสิม บิน สะลาม) กล่าวว่า บรรดาหะดิษเศาะเฮียะเหล่านี้ บรรดานักหะดิษและฟุเกาะฮาอฺ ได้พามัน ส่วนหนึ่งจากส่วนหนึ่ง และมันคือ ความจริงในทัศนะของเรา เราไม่สงสัยในมัน แต่ เมื่อถูกกล่าวว่า "ทรงหัวเราะอย่างไร ?และทรง วางเท้าของพระองค์อย่างไร? เราก็จะกล่าวว่า " เราจะไม่อธิบายสิ่งนี้ และเราไม่เคยได้ยิน คนใดอธิบายมัน - ดูสิยารเอียะลามอัลนุบะลาอฺ เล่ม 10 หน้า 505
................
จากที่ได้ชี้แจงมาทั้งหมดข้างต้น จะเห็นได้ว่า การแปลคำว่า بلا كيف ว่า ไม่มีมีรูปแบบวิธีการของนายนามปลอม Al-Yafaie Bin-nazaie นั้นเป็นการแปลบิดเบือน เพราะรูปแบบวิธีการนั้น มี ผู้ที่รู้คือ อัลลอฮ ส่วนเราจะไม่ถามว่าเป็นอย่างไร
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
1/8/60

วาทกรรมชงอะกีดะฮด้วยตรรกทางปัญญา


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


วาทกรรมชงอะกีดะฮด้วยตรรกทางปัญญา
วะฮาบีกลุ่มชนที่บิดอะห์ด้านอะกีดะห์ - Islam Iman Ihsan ได้เพิ่มรูปภาพใหม่ 2 ภาพถูกใจเพจ
เมื่อวานนี้ เวลา 20:44 น.
อาสันวะบีบอกว่า อัลลอฮทรงอยู่เบื้องสูงด้วยซาต (นี่มันไม่ใช่ทิศทางเหรอเวาะสัน) การมีทิศทั้งหกนี้ นี่มันสิฟัตของยีเซมซึ่งเป็นสิ่งถูกสร้างนะเวาะ บนล่างขวาซ้ยหน้าหลัง มันคือซีฟัตของยีเซม ซึ่งหลักศรัทธานี้เป็นของมุยัสสิมะห์นะเวาะ ตกลงเวาะคือมุยัสสิมะห์หรอ?? 
และมันก็ตรงกับยาหุดี ตกลงเวาะคนนี้สลัฟแท้ หรือคนนอกสวมรอยเป็นอิสลาม เวาะครับมันไม่ใช่สิฟัตสมบูรนะเวาะ มันคือสิฟัตอ่อนด้อย และมันคือสิฟัตมัคลูกนะเวาะ ซาตที่มีสิฟัตแบบนี้ คือซาตที่ถูกควบคุมโดยผู้สร้างครับเวาะ
น่ากลัวสำหรับคนเอาวามจริงๆ ทำตัวเป็นนักอาเลมหะดีส แต่อธิบายหะดิสด้านหลักศรัททาตรงกับแนวคิดมุญัสสิมะห์
แก่นแท้สถานะซาตของผู้สร้าง มอบหมายเถอะเวาะ
ขออัลลอฮได้ให้คนเอาวามทั่วไปรวมถึงเราทุกๆคนได้ปลอดภัยจากความลุ่มหลงของแนวทางนี้ด้วยเถิด
@@@@
ชี้แจง
ข้างต้นเป็นการคาดเดาและการใช้ตรรกทางปัญญา คิดเอง เออเอง โดยไม่มีหลักฐานและไม่สนใจคำอธิบายของปราชญ์ยุคสะลัฟคนใดเลย เป็นวาทกรรมที่มีแต่น้ำไม่มีเนื้อ เป็นอกีดะฮคิดเองชงเองตามอารมณ์
ขีดๆเขียนๆ แล้วเออเอง สรุปเอง นี่คืออากีดะฮของอะฮลุลบิดอะฮ
ขอเรียนว่า
การที ปราชญยุคสะลัฟและปราชญยุคเคาะลัฟ ที่ดำเนินตามแนวทางสะลัฟ เน้นคำว่า อยู่เหนือบัลลัง ด้วยซาต( بذاته )หรือ ด้วยตัวของพระองค์ (بنفسه) หรือ แยกจากมัคลูคของพระองค์(بائن من خلقه ) หรือ อยู่บนฟ้า ไม่ใช่แผ่นดิน (في السماء دون الأرض) ก็เพื่อยืนยันว่า อัลลอฮอยู่เบื้องสูงจริง ไม่ใช่แค่สูงส่งแบบนามธรรมอย่างเดียวตามที่ผู้มีแนวคิดญะฮมียะฮอ้าง เช่น อิหม่ามอัซซะฮะบีย์กล่าว ถึงเหตุผลที่ อิบนุอบีเซด ใช้คำว่า "บิซาติฮี"ว่า
وإنما أراد ابن أبي زيد وغيره التفرقة بين كونه تعالى معنا وبين كونه تعالى فوق العرش 
ความจริง อิบนุอบีเซด และคนอื่นๆจากเขา ต้องการจะแยก ระหว่าง การที่พระองค์ผู้ทรงสูงส่งอยู่พร้อมกับเราด้วยซาตของพระองค์ กับ การที่พระองค์ผู้ทรงสูงส่ง อยู่เหนืออะรัช - ดู อัลอุลูว์ลิอะลียิลฆอ็ฟฟาร หน้า 236
แปลก... อาชาอิเราะฮที่ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงกลุ่มนี้ไม่แยแสหลักฐาน ที่แสดงการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ จริงๆ แต่พยายามใช้ตรรกบิดเบือนและกล่าวหา ตลอดจนโฆษณาชวนเชื่อ หาว่าเป็นอะกีดะฮที่ผิดทั้งๆมีหลักฐานมากมายยืนยัน
. อิหม่ามอบูบักรฺ บิน อบีอาศิม อัชชัยบานีย์ (ฮ.ศ 287 )
حَدَّثَنَا ابْنُ مُصَفَّى، ثنا بَقِيَّةُ، ثنا الْفَزَارِيُّ، عَنِ الْأَعْمَشِ، عَنْ أَبِي صَالِحٍ، عَنْ أَبِي سَعِيدٍ، قَالَ: قَالَ رَسُولُ اللَّهِ صَلَّى اللهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ: «تَجْتَمِعُ مَلَائِكَةُ اللَّيْلِ وَمَلَائِكَةُ النَّهَارِ، يَجْتَمِعُونَ فِي صَلَاةِ الْفَجْرِ» . قَالَ: وَأَخْبَارُ النُّزُولِ دَالَّةٌ عَلَى أَنَّهُ فِي السَّمَاءِ دُونَ الْأَرْضِ
คำแปลตัวบท
รายงานจากอบี สะอีด กล่าวว่า รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ กล่าวว่า "บรรดามลาอิกะฮกลางคืน และบรรดามลาอิกะฮกลางวัน ได้มารวมกัน ,พวกเขารวมตัวกัน ในเวลาละหมาดฟะญัร ,เขา(อบูบักร์ บิน อบี อาศิม)กล่าวว่า และบรรดาหะดิษของการลงมา แสดงบอกว่า แท้จริงพระองค์อยู่บนฟ้า อื่นจากแผ่นดิน -อัสสุนนะฮ ของ อิบนิอบีอาสิม หะดิษหมายเลข 504
ในกรณีเน้น ด้วยคำว่า "บิซาติฮี (ด้วยซาตของพระองค์)นั้น มีนักวิชาการหลายท่าน ทั้งยุคสะลัฟและเคาะลัฟ ใช้สำนวนนี้ในการเน้นว่าอัลลอฮอยู่เบื้องสูงด้วยซาต ดังที่ หาฟิซ บิน อะหมัด อัลหักมีย์ รายงานว่า
.. وَقَالَ مُحَمَّدُ بْنُ أَبِي زَيْدٍ الْمَغْرِبِيِّ : وَأَنَّهُ - تَعَالَى - فَوْقَ عَرْشِهِ الْمَجِيدُ بِذَاتِهِ ، وَأَنَّهُ فِي كُلِّ مَكَانٍ بِعِلْمِهِ . قُلْتُ : وَقَدْ أَطْلَقَ هَذِهِ الْعِبَارَةَ أَعْنِي قَوْلَهُ " بِذَاتِهِ " أَبُو جَعْفَرِ بْنُ أَبِي شَيْبَةَ ، وَالدَّارِمِيُّ ، وَيَحْيَى بْنُ عَمَّارٍ ، وَأَبُو نَصْرٍ السِّجْزِيُّ ، وَابْنُ عَبْدِ الْبَرِّ ، وَشَيْخُ الْإِسْلَامِ الْأَنْصَارِيُّ ، وَأَبُو الْحَسَنِ الْكَرَجِيُّ ، وَأَحْمَدُ بْنُ ثَابِتٍ الطَّرْقِيُّ ، وَعَبْدُ الْعَزِيزِ الْقُحَيْطِيُّ ، وَعَبْدُ الْقَادِرِ الْجَبَلِيُّ ، وَطَائِفَةٌ .
และมุหัมหมัด บิน อบี เซด อัลมัฆริบีย์ ได้กล่าวว่า "และแท้จริง
พระองค์ทรงสูงส่ง อยู่เหนือบัลลังพระองค์อันทรงเกียรติ ด้วย"ซาตของพระองค์" และแท้จริง ทรงอยู่ในทุกสถานที่ ด้วยความรู้ของพระองค์ ,ข้าพเจ้ากล่าวว่า "และแท้จริง ได้กล่าวด้วยสำนวนนี้ ข้าพเจ้าหมายถึง คำกล่าวของเขา ที่ว่า "บิซาติฮี" (ด้วยซาตของพระองค์)คือ อบูยะอฟัร บิน อบีชัยบะฮ ,อัดดาริมีย์ ,ยะหยา บิน อัมมาร ,อบูนัศรุสสัจซีย์ ,อิบนุอับดิลบัร ,ชัยคุลอิสลาม อันอันศอรีย์ ,อบูหะซันอัลกัรญีย์ ,อะหมัด บิน ษาบีต อัฏฏอ็รกีย์ ,อับดุลอะซีซ อัลกุหัยฏีย์ ,อับดุลกอดีร อัลญะบะลีย์ และ นักวิชาการคณะหนึ่ง - ดู มะอาริญุลเกาะบูลฯ เล่ม 1 หน้า 199
..........ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
นักปราชญ์ยุคสะลัฟและเคาะลัฟที่ระบุข้างต้น ใช้ สำนวนที่ว่า "بِذَاتِهِ (ด้วยซาตของพระองค์)เพื่อยืนยันการอยู่เบื่องสูงที่เป็นรูปธรรม หมายถึงอยู่เบื้องสูงเหนื่ออะรัช จริงๆ แต่...มีคนใช้ชื่อปลอมบางคนออกมาใช้ตรรกตามความเห็นของตนปฏิเสธ และโกหกว่าเป็นการหลงผิดโดยปราศจากหลักฐานยืนยัน -นะอูซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
31/7/60

วันอาทิตย์ที่ 30 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

อาชาอิเราะฮยุคหลังกับตาบอดคลำช้าง

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


อาชาอิเราะฮยุคหลังกับตาบอดคลำช้าง
ตาบอดคลำทาง หมายถึงคนที่รู้อะไรด้านเดียวหรือนัยเดียวแล้วเข้าใจว่าสิ่งนั้นเป็นอย่างนั้น
เพราะตาบอด แต่ละคนจึงรู้จักช้างเป็นส่วนๆ ไม่เห็นช้างทั้งตัว คนที่คลำเจอขาก็ว่าช้างเหมือนเสา คนคลำเจอตัวก็ว่าช้างเหมือนกำแพง คนคลำเจอหูก็ว่าช้างเหมือนพัด คนคลำเจอหางก็ว่าช้างเหมือนเชือก แล้วก็ทะเลาะกันใหญ่ เพราะต่างยึดมั่นในการรู้แบบแยกส่วนของแต่ละคนๆ การรู้แบบแยกส่วนทำให้บีบคั้นและเข้าไปสู่ความขัดแย้ง ถ้าตาไม่บอดและเห็นทั้งหมด คือช้างทั้งตัว ก็จะเป็นอิสระ เพราะการรู้ทั้งหมดไม่มีอะไรจะขัดแย้งกัน เพราะแต่ละส่วนก็เป็นของช้างตัวเดียวกัน
คือรู้อะไรรู้ไม่จริง แต่สรุปจากการคาดเดาเป็นองค์ความรู้ และที่อันตรายคือ เรื่องศาสนาโดยเฉพาะอะกีดะฮ
อาชาอิเราะฮยุคหลัง บางส่วน พอใครแปลความหมายอายาตหรือหะดิษสิฟาต ก็ รีบหุกกุมว่า เป็นพวกมุชับบะฮะฮ(ผู้เปรียบอัลลอฮกับมัคลูค)และมุญัสสิมะฮ (ผู้ให้รูปร่างแก่อัลลอฮ)
นี่ก็เป็นตัวอย่างของตาบอดคลำช้าง ยังแยกไม่ออกระหว่างการแปลความหมายในทางภาษา กับ การอธิบายรูปแบบวิธีการคุณลักษณะ(التكييف )
อิหมามมาลิก(ร.ฮ)กล่าวว่า
لاستواء معلومٌ ، والكيف مجهولٌ ، والإيمان بـــه واجبٌ ، والسؤال عنه بدعةٌ
อัลอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ถูกไม่รู้(ไม่เป็นที่รู้กัน) และกาศรัทธาด้วยมันนั้น วาญิบ และการถามจากมัน คือบิดอะฮ
..........
ดูที่มา
رواه اللالكائي في " شرح أصول اعتقاد أهل السنة والجماعة " (3/441) والبيهقي في "الأسماء والصفات " (ص 408) وصححه الذهبي وشيخ الإسلام والحافظ ابن حجر .
....................
คำว่า غير مجهول ความหมายเดียวกับคำว่า معلوم คือ เป็นที่รู้กัน หมายความว่า ความหมายของอัลอิสติวาอฺเป็นที่รู้กันในทางภาษา
ดังที่อิหม่ามอัลกุรฎุบีย์(ร.ฮ)กล่าวว่า
قال مالك رحمه الله : الاستواء معلوم - يعني في اللغة - والكيف مجهول ، والسؤال عن هذا بدعة
มาลิก(ร.ฮ) ได้กล่าวว่า อิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน หมายถึง ในภาษา และรูปแบบวิธีการนั้น ถูกไม่รู้(ไม่เป็นที่รู้กัน) และการถามเกี่ยวจากนี้ คือ บิดอะฮ - ดูตัฟสีรอัลกุรฏุบีย์ 7/219
อบูบักร์ อิบนุอัลอะเราะบีย์ อัลมะลิกีย์ (ฮ.ศ 543)
ท่านได้อธิบายหะดิษสิฟัตในสุนันติรมิซีย์ว่า
ومذهب مالك رحمه الله أن كل حديث منها معلوم المعنى، ولذلك قال للذي سأله: "الاستواء معلوم، والكيفية مجهولة
และแนวทางของมาลิก (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) แท้จริงทุกหะดิษจากมัน(จากหะดิษที่ระบุเกี่ยวกับสิฟาต) ความหมาย เป็นที่รู้กัน และเพราะดังกล่าว เขาได้กล่าวแก่ผู้ที่ถามเขาว่า " อัลอิสติวาอฺนั้น เป็นที่รู้กัน และรูปแบบวิธีการนั้น ไม่เป็นที่รู้กัน - อาริเฎาะตุลอะหวะซีย์ 3/166
จึงถาม อาชาอิเราะฮว่า เมื่อความหมายคุณลักษณะอัลลอฮในทางภาษาเป็นที่รู้กัน จะเรียกว่า คลุมเครือ (متشابهات)ได้อย่างไร และเมื่อความหมายในทางภาษาเป็นที่รู้กัน ทำไมจึงแปลความหมายทางภาษาไม่ได้?
ขอเรียนว่า การยืนยันหรือรับรองสิฟัตอัลลอฮตามแนวทางสะลัฟคือ "รับรองความหมายในทางภาษาและมอบหมายรูปแบบวิธีการ(كيفية ) แต่ อาชาอิเราะฮ ยังหาข้อสรุปไม่ได้และหลงคิดไปว่า "ถ้าแปลความหมายกลายเป็นการตัชบีฮ(การเปรียบกับมัคลูค) นี่คือ เป็นตัวอย่างตาบอดคลำช้าง"
มาดูหลักการอิษบาตสิฟาตของท่าน วะเกียะ บิน อัลญะเราะห (ฮ.ศ 196) ดังนี้
وَقَالَ أَحْمَدُ بْنُ إِبْرَاهِيمَ الدَّوْرَقِيُّ : سَمِعْتُ وَكِيعًا يَقُولُ : نُسَلِّمُ هَذِهِ الْأَحَادِيثَ كَمَا جَاءَتْ ، وَلَا نَقُولُ : كَيْفَ كَذَا ؟ وَلَا لِمَ كَذَا ؟ يَعْنِي مِثْلَ حَدِيثِ : يَحْمِلُ السَّمَاوَاتِ عَلَى إِصْبَعٍ
และอะหมัด บิน อิบรอฮีม อัดเดาเราะกีย์ กล่าวว่า "ข้าพเจ้าได้ยิน วาเกียะ บิน อัลญะเราะหฺ กล่าวว่า "เรายอมรับบรรดาหะดิษเหล่านี้(หมายถึงหะดิษสิฟาต) ดังที่มันมีมา และเราจะไม่กล่าวว่า "ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น ทำไมจึงเป็นเช่นนั้น และเพราะอะไรจึงเป็นเช่นนั้น ? หมายถึง เหมือนกับหะดิษที่ว่า ทรงถือชั้นฟ้าทั้งหลายอยู่บนนิ้วหนึ่ง(ของพระองค์) - ดูสิยารเอียะลามอัลนุบะลาอฺ เล่ม 7 หน้า 166 ,อัสสิฟาต ของอิหม่ามอัดดารุกุฏนีย์ หน้า 41และ อัสสุนนะฮ ของอับดุลลอฮ บิน อะหมัด เล่ม 1 หน้า 276
อิบนุอับดิลบัร อัลมาลิกีย (ฮ.ศ 463) ได้อธิบายชัดเจนว่า
وَقَدْ عَقِلْنَا وَأَدْرَكْنَا بِحَوَاسِّنَا أَنَّ لَنَا أَرْوَاحًا فِي أَبْدَانِنَا ، وَلَا نَعْلَمُ كَيْفِيَّةَ ذَلِكَ وَلَيْسَ جَهْلُنَا بِكَيْفِيَّةِ الْأَرْوَاحِ يُوجِبُ أَنْ لَيْسَ لَنَا أَرْوَاحٌ ، وَكَذَلِكَ لَيْسَ جَهْلُنَا بِكَيْفِيَّةٍ عَلَى عَرْشِهِ يُوجِبُ أَنَّهُ لَيْسَ عَلَى عَرْشِهِ
แท้จริงเราเข้าใจ และรับรู้ด้วยอวัยวะสัมผัสของเรา ว่า เรามีชีวิต ในร่างกายของเรา และเราไม่รู้รูปแบบวิธีการ(كيفية )ของมัน(ว่าเป็นอย่างไร) และการที่เราไม่รู้ว่า รูปแบบของบรรดาชีวิตว่าเป็นอย่างไรนั้น ไม่ได้หมายความว่าเราไม่มีชีวิต และในทำนองเดียวกันนั้น การที่เราไม่รู้ว่ารูปแบบวิธีการ(อิสติวาอของพระองค์) บนอะรัชของพระองค์เป็นย่างไรนั้น ไม่ได้หมายความว่า พระองค์ไม่ได้อยู่บนอะรัชของพระองค์ - ดู อัตตัมฮีด เล่ม 7 หน้า 137
.....ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
สรุปคือ การที่เราไม่รู้ว่ารูปแบบของชีวิตของเรานั้นเป็นอย่างไร ไม่ได้หมายความว่า "ชีวิตของเราไม่มี ในทำนองเดียวกัน การที่เราไม่รู้ว่าอัลลอฮ อยู่บนบัลลังค์อย่างไร ก็ไม่ได้หมายความว่า อัลลอฮไม่ได้อยู่บนอะรัชของพระองค์
...........
เพราะฉะนั้น แนวทางสะลัฟ ยืนยันความหมายในทางภาษา โดยไม่ถามว่าเป็นอย่างไร หรือไม่อธิบายว่าเป็นอย่างไรและไม่เปรียบเทียบ ไม่ถือว่า เป็นการตัชบีฮ อย่างที่อาชาอิเราะฮบางส่วนยุคหลังมโนจริต คิดและเข้าใจไปเอง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
31/7/60

อัลลอฮสถิตบนบัลลังค์เป็อากีดะฮของกาเฟรยะฮูดีย์จริงหรือ



ในภาพอาจจะมี ข้อความ



อัลลอฮสถิตบนบัลลังค์เป็อากีดะฮของกาเฟรยะฮูดีย์จริงหรือ
Al-Yafaie Bin-nazaie
ผมยืนยันตลอดว่า การทีแนวทางวาฮาบีย์ให้คำว่า อิสติวาฮ์ อยู่ในความหมายคำว่า อัลเลาะสถิตย์บนบัลลังค์นั้น เป็นอากีดาฮ์เดิมๆของพวกกาฟีรยะฮูดีย์ ในอดีตนั้นเอง
@@@
ชี้แจง
นะอูซุบิลลอฮ นี่คือตัวอย่างของคนที่เสพแนวคิดวิชากาลาม หรือแนวตรรกนิยม ใช้ความคิด และตรรกทางปัญญา วิภาษคุณลักษณะอัลลอฮ ให้กินกับปัญญาถึงขนาด ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮเหนือบัลลังค์ ทั้งๆที่อัลกุรอ่านบอกเอาไว้ ถึง 7 แห่งในอัลกุรอ่านคือ
1.เราะฮฺ ฏอฮา (Ta-Ha) อายะหฺที่ 5 (20:5)
الرَّحْمَٰنُ عَلَى الْعَرْشِ اسْتَوَىٰ ﴿٥ طه﴾
2.ซูเราะฮฺ อัรเราะอฺดฺ (Ar-Rahdu) อายะหฺที่ 2 (13:2)
ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ وَسَخَّرَ الشَّمْسَ وَالْقَمَرَ ﴿٢ الرعد﴾
3.ซูเราะฮฺ ยูนุส (Yunus) อายะหฺที่ 3 (10:3)
ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ يُدَبِّرُ الْأَمْرَ ﴿٣ يونس﴾
4. ซูเราะฮฺ อัลหะดีด (Al-Hadid) อายะหฺที่ 4 (57:4)
ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ يَعْلَمُ مَا يَلِجُ فِي الْأَرْضِ وَمَا يَخْرُجُ مِنْهَا ﴿4 الحديد﴾
5.ซูเราะฮฺ อัซซัจญดะฮฺ (As-Sajda) อายะหฺที่ 4 (32:4
ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ مَا لَكُمْ مِنْ دُونِهِ مِنْ وَلِيٍّ وَلَا شَفِيعٍ ﴿4 السجدة﴾
6.ซูเราะฮฺ อัลฟุรกอน (Al-Furqan) อายะหฺที่ 59 (25:59)
ثُمَّ اسْتَوَىٰ عَلَى الْعَرْشِ الرَّحْمَٰنُ فَاسْأَلْ بِهِ خَبِيرًا ﴿٥٩ الفرقان﴾
7. ซูเราะฮฺ อัล-อะอฺรอฟ (Al-Araf) อายะหฺที่ 54 (7:54)
إِنَّ رَبَّكُمُ اللَّهُ الَّذِي خَلَقَ السَّمَاوَاتِ وَالأَرْضَ فِي سِتَّةِ أَيَّامٍ ثُمَّ اسْتَوَى عَلَى الْعَرْشِ
เช็คมุหัมหมัดอามีน อัชชันกิฏีย์ (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน) กล่าวว่า

فالمتكلمون النافون لبعض صفات الله -جل وعلا- الثابتة له في كتابه وسنة رسوله صلى الله عليه وسلم ينفون استواءَه على عرشه فيقولون: (لم يستوِ على العرش)، وهذه الدعوى المخالفة لصريح القرآن في سبعة مواضع

ดังนั้น บรรดานักวิภาษวิทยา เป็นผู้ที่ปฏิเสธบางส่วนของบรรดาคุณลักษณะของ อัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงสูงส่ง ที่มีการยืนยันไว้ในคัมภีร์ของพระองค์และสุนนะฮของรอซูลของพระองค์ ศอ็ลฯ พวกเขาปฏิเสธการสถิตย์ของอัลลอฮเหนือบัลลังก์ ของพระองค์ โดยกล่าวว่า "พระองค์มิได้สถิตย์เหนือบัลลังก์" และนี้คือการอ้างที่ขัดแย้งกับการชี้แจงของอัลกุรอ่าน ใน 7 แห่งด้วยกัน"- อาดาบุ้ลบะหัษวัลมุนาเซาะเราะฮ หน้า 356ในภาพอาจจะมี ข้อความ
...
อาชาอิเราะฮบางคนอ้างว่า "เขาไม่ได้ปฏิเสธ สิฟัตอัลอิสติวาอ เพียงแต่ไมายอมรับความหมายตรงๆตามตัวบท เพราะไม่กินกับปัญญา แล้วในที่สุดก็เปลี่ยนความหมาย อัลอิสติวาอฺ ไปเป็นความหมาย การปกครอง -นะอูซุบิลละฮ
อบูมันศูร อัลบัฆดาดีย์ กล่าวว่า
زعمتِ المعتزلةُ أن استوى بمعنى استولى مستدلين بقول الشاعر: (قد استوى بشر على العراق) وهذا تأويل باطل ( 
พวกมุอฺตะซิละฮ เข้าใจว่า คำว่า "อิสตะวา" มีความหมายว่า "ครอบครอง" โดยพวกเขาอ้างหลักฐานคำกล่าวของนักกวีที่ว่า "บะชีรได้ครอบครองอิรัก" นี่คือ การตีความที่เป็นโมฆะ" * อุศูลุดดีน หน้า 112
ความจริง ความหมาย "อัลอิสติวา" ตามภาษาอาอาหรับนั้น หมายถึง สูง และ การสถิต
อิหม่ามกุรฎุบีย์กล่าวในตัฟสีรของท่านว่า.....
قَالَ مَالِكٌ رَحِمَهُ اللَّهُ : الِاسْتِوَاءُ مَعْلُومٌ - يَعْنِي فِي اللُّغَةِ - وَالْكَيْفُ مَجْهُولٌ ، وَالسُّؤَالُ عَنْ هَذَا بِدْعَةٌ . وَكَذَا قَالَتْ أُمُّ سَلَمَةَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهَا . وَهَذَا الْقَدْرُ كَافٍ ، وَمَنْ أَرَادَ زِيَادَةً عَلَيْهِ فَلْيَقِفْ عَلَيْهِ فِي مَوْضِعِهِ مِنْ كُتُبِ الْعُلَمَاءِ . وَالِاسْتِوَاءُ فِي كَلَامِ الْعَرَبِ هُوَ الْعُلُوُّ وَالِاسْتِقْرَارُ
อิหม่ามมาลิก ขออัลลอฮเมตตาต่อท่านกล่าวว่า “อิสติวาอฺ นั้นเป็นที่รู้กัน หมายถึงในด้านภาษา(เป็นที่รู้กัน) และรูปแบบวิธีการนั้น ไม่เป็นที่รู้กัน และการถามเกี่ยวกับเรื่องนี้นั้น เป็นบิดอะฮ และในทำนองเดียวกันนี้ อุมมุสะละมะฮ (ร.ฎ)ได้กล่าวเอาไว้ แค่นี้ก็พอเพียงแล้ว และผู้ใดต้องการที่จะ(รู้)เพิ่มเติม ก็จงดูมันในเรื่องของมันจากบรรดาตำราของอุลามาอฺและคำว่า”อิสติวาอฺ ในคำพูดอาหรับนั้น คือ สูง และการสถิต- ดู ตัฟสีรญามิอุลอะหกาม เล่ม ๗ หน้า ๒๑๙
.................
อิบนุอับดิลบัร (ร.ฮ) กล่าวว่า
قال أبو عمر الاستواء الاستقرار في العلو وبهذا خاطبنا الله عز وجل
อบูอัมริน กล่าวว่า " อัลอิสติวาอฺคือ การสถิต อยู่ เบื้องสูง และด้วยคำนี้ อัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่ง และทรงเลิศยิ่ง ได้สนทนากับเรา - อัตตัมฮีด เล่ม 7 หน้า 131 
.............
คำว่า “สถิต” เป็นภาษาไทย ความหมาย[สะถิด] ก. อยู่, ยืนอยู่, ตั้งอยู่ คำนี้ เป็นคำที่ใช้กับใช้เป็นคํายกย่องแก่สิ่งหรือบุคคลที่อยู่ในฐานะสูง 
คำว่า “ استقرار มาจากคำว่า استقر แปลว่า อยู่ ความจริง คำว่า “ทรงสถิต หนือบัลลังค์ ความหมาย ก็คือ ทรงอยู่เหนือบัลลังค์ นั้นเอง
อิหม่ามอัซซะฮะบีย์(ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)กล่าวว่า
وَقَالَ الْحَافِظُ أَبُو الْقَاسِمِ اللَّالِكَائِيُّ : وَجَدْتُ فِي كِتَابِ أَبِي حَاتِمٍ مُحَمَّدِ بْنِ إِدْرِيسَ الْحَنْظَلِيِّ ، مِمَّا سَمِعَ مِنْهُ ، يَقُولُ : مَذْهَبُنَا وَاخْتِيَارُنَا اتِّبَاعُ رَسُولِ اللَّهِ -صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ- وَأَصْحَابِهِ وَالتَّابِعِينَ ، وَالْتَمَسُّكُ بِمَذَاهِبِ أَهْلِ الْأَثَرِ ، مَثْلِ الشَّافِعِيِّ ، وَأَحْمَدَ ، وَإِسْحَاقَ ، وَأَبِي عُبَيْدٍ ، وَلُزُومُ الْكِتَابِ وَالسُّنَّةِ ، وَنَعْتَقِدُ أَنَّ اللَّهَ -عَزَّ وَجَلَّ- عَلَى عَرْشِهِ لَيْسَ كَمِثْلِهِ شَيْءٌ وَهُوَ السَّمِيعُ الْبَصِيرُ
อัลหาฟิซ อบุลกอซิม อัลลาลุกาอีย์ กล่าวว่า " ฉันพบในหนังสือของอบีหาติม มุหัมหมัด บิน อิดรีส อัลหันเซาะลีย์ จากสิ่งที่เขา ได้ยินมา โดย เขา กล่าวว่า (แนวทางของเราและทางเลือกของเรา คือ การเจริญรอยตามรซูลุ้ลลอฮ ศอ็ลฯ ,บรรดาสาวกของท่านและบรรดาตาบิอีน และยึดถือตามแนวทางของนักหะดิษ เช่น อิหม่ามชาฟิอีย์ ,อะหมัด,อิสหากและอบีอุบัยดิน และ การยืนหยัดในอัลกิตาบและอัสสุนนะฮ และเราเชื่อว่า แท้จริง อัลลอฮ ผู้ทรงเกรียงไกร ผู้ทรงเลิศยิ่ง อยู่เหนืออะรัช "ไม่มีสิ่งใดเสมอเหมือนพระองค์ และพระองค์คือ ผู้ทรงได้ยิน ผู้ทรงเห็น - สิยะรุอะอฺลาม อัลนุบะลา เล่ม 13 หน้า 260
ชัยคุ้ลอิสลาม อะบุ้ลอุษมาน อัศเศาะบูนีย์ ( 372-449)กล่าวว่า
ويعتقد اصحاب الحديث ويشهدون ان الله فوق سبع سمواته على عرشه كما نطق كتابه 
และบรรดานักหะดิษ เชื่อมั่นและ เป็นพยานว่า แท้จริง อัลลอฮ อยู่บนบรรดาฟากฟ้าทั้งเจ็ด ของพระองค์ บน บัลลังค์ของพระองค์ ดังที่ คัมภีร์ของพระองค์ได้พูดไว้ - อะกีดะฮสะลัฟวะอัศหาบิลหะดิษ หน้า 44
 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

อบูบักร อัลอิสมาอีลีย์ (ฮศ 371) กล่าวเกี่ยวกับอะกีดะฮอะลุลหะดิษว่า
وأنه عز وجل استوى على العرش بلا كيف، فإن الله تعالى أنهى إلى أنه استوى على العرش، ولم يذكُر كيف كان استواؤه
แท้จริงพระองค์ทรงประทับเหนือบัลลังค์ โดยไม่มีการอธิบายรูปแบบวิธีการ เพราะอัลลอฮหยุดอยู่ที่คำว่า "แท้จริงพระองค์ทรงประทับเหนือบัลลังค์ และพระองค์ไม่ได้ระบุว่า การประทับ/สถิตของพระองค์เป็นอย่างไร - เอียะติกอดอะฮลิสสุนนะฮ ของ อบีบักร อัลอิสมาอีลียื หน้า 36
คำว่า สถิต แปลเป็นคำสามัญทั่วไปแปลว่า " อยู่ เพราะฉะนั้นคำว่า สถิตเหนือบัลลัง หมายถึง อยู่เหนือบัลลังนั้นเอง
อิบนุกุตัยบะฮ (ฮ.ศ ๒๗๖)กล่าวว่า
كيف يسوغ لأحد أن يقول إنه بكل مكان على الحلول مع قوله : ( الرحمن على العرش استوى ) : أي استقر
จะอนุญาตให้คนหนึ่งคนใดกล่าวว่า แท้จริง พระองค์อยุ่ทุกสถานที่ บนการตั้งถิ่นฐานในมัน(ในทุกสถานที่) ได้อย่างไรทั้งๆที่พระองค์ตรัสว่า (พระเจ้าผู้ทรงเมตตาทรงอยู่ เหนืออะรัช) หมายถึง ทรงสถิต ดู- ตะวีลมุคตะลิฟุลหะดิษ หน้า ๒๔๗
............. 
จากที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คือ ส่วนหนึ่งที่ปราชญอะฮลุสสุนนะฮ ยืนยันว่า การเชื่อว่า อัลลอฮอยู่บนอะรัช หรือ อยู่เบื้องสูงนั้น คืออะกีดะฮ อะฮลุสสุนนะฮวัลญะมาอะฮ และเป็นอะกีดะฮอิสลาม แต่ กลับมีคนที่ใช้นามแฝงว่า Al-Yafaie Bin-nazaie ยืนยันว่าเป็นอะกีดะฮกาเฟร -นะอูซุบิลละฮ 
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
30/7/60