วันพฤหัสบดีที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2560

การแบ่งบิดอะฮของอิหม่ามชาฟิอีที่ถูกแอบอ้างทำอุตริกรรมในเรื่องศาสนา


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

การแบ่งบิดอะฮของอิหม่ามชาฟิอีที่ถูกแอบอ้างทำอุตริกรรมในเรื่องศาสนา
หลายต่อหลายครั้ง กลุ่มคนที่อนุรักษ์บิดอะฮ ที่อ้างว่าบิดอะฮที่ดี(บิดอะฮหะสนะฮ) หรือที่อ้างว่านบีไม่ทำก็ทำได้ จะเอานิยามบิดอะฮของอิหม่ามชาฟิอีมาเป็นพ่ายใบสุดท้ายในการเป็นข้ออ้างเมื่อถูกห้ามเรื่องทำบิดอะฮในเรื่องศาสนาบัญญัติ
เพราะฉะนั้น จึงขอชี้แจงทำความกระจ่างดังต่อไปนี้
وَقَدْ رَوَى الْحَافِظُ أَبُو نُعَيْمٍ بِإِسْنَادٍ عَنْ إِبْرَاهِيمَ بْنِ الْجُنَيْدِ ، [ حَدَّثَنَا حَرْمَلَةُ بْنُ يَحْيَى ] قَالَ : سَمِعْتُ الشَّافِعِيَّ رَحْمَةُ اللَّهِ عَلَيْهِ يَقُولُ : الْبِدْعَةُ بِدْعَتَانِ : بِدْعَةٌ مَحْمُودَةٌ ، وَبِدْعَةٌ مَذْمُومَةٌ ، فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَحْمُودٌ ، وَمَا خَالَفَ السُّنَّةَ فَهُوَ مَذْمُومٌ . وَاحْتَجَّ بِقَوْلِ عُمَرَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هِيَ .
และอัลหาฟิซ อบูนุอัยมฺ ได้รายงานด้วยสายรายงาน จากอิบรอฮีม บืน อัลญุนัยดฺว่า หัรมะละฮ บิน ยะหยา ได้เล่าเราว่า ข้าพเจ้าได้ยิน ชาฟิอี (ร.ฮ) กล่าวว่า
บิดอะฮ นั้นมี 2 ประเภท คือ
หนึ่ง – บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ
สอง – บิดอะฮที่ถูกตำหนิ
…………….
คำว่า “บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ(หรือบิดอะฮที่ดี) นี่คือจุดที่กลุ่มคนที่ทำบิดอะฮในเรื่องศาสนา เอามาอ้าง ว่าในเรื่องของอิบาดะฮ สามารถอุตริบิดอะฮขึ้นมาได้หากมีความเห็นว่าดี หรือบางคนอ้างว่า “นบีไม่ทำก็ไม่ใช่หมายถึงห้ามทำ” และจุดนี้คือจุดทำลายสุนนะฮ และเอาบิดอะฮมาเป็นใหญ่
อิหม่ามอิบนุเราะญับ(ร.ฮ)อธิบายชัดเจนว่า จุดประสงค์ของอิหม่ามชาฟิอี ที่กล่าวว่า “บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ(بدعة محمودة )นั้น หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา คือ
وَمُرَادُ الشَّافِعِيِّ رَحِمَهُ اللَّهُ مَا ذَكَرْنَاهُ مِنْ قَبْلُ : أَنَّ الْبِدْعَةَ الْمَذْمُومَةَ مَا لَيْسَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ الشَّرِيعَةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَهِيَ الْبِدْعَةُ فِي إِطْلَاقِ الشَّرْعِ ، وَأَمَّا الْبِدْعَةُ الْمَحْمُودَةُ فَمَا وَافَقَ السُّنَّةَ ، يَعْنِي : مَا كَانَ لَهَا أَصْلٌ مِنَ السُّنَّةِ يُرْجَعُ إِلَيْهِ ، وَإِنَّمَا هِيَ بِدْعَةٌ لُغَةً لَا شَرْعًا ، لِمُوَافَقَتِهَا السُّنَّةَ
และจุดมุ่งหมายของอิหม่ามชาฟิอี (ขออัลอฮเมตตาต่อท่าน) ต่อสิ่งที่เราได้ระบุมันมาก่อนหน้านี้ คือ แท้จริงบิดอะฮ ทีถูกตำหนิ(บิดอะฮมัซมูมะฮ) คือ สิ่งที่ไม่มีรากฐานจากศาสนบัญญัติ ทีจะถูกนำกลับไปหามัน และมันคือ บิดอะฮในความหมายทางศาสนา และสำหรับ บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ นั้น คือ สิ่งที่สอดคล้องกับสุนนะฮ หมายถึง สิ่งที่มีรากฐานมาจากสุนนะฮ ที่จะถูกนำกลับไปหามัน ความจริง มันคือ บิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญัติ เพราะมันสอดคล้องกับอัสสุนนะฮ” – ดู ญามิอุลอุลูม วัลหิกัม หน้า 659
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
............
ท่านอิบนุเราะญับ(ร.ฮ)ได้ยืนยันว่า อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฮ) หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ไม่ใช่บิดอะฮในทางศาสนบัญญัติ(บิดอะฮขัรอีย์)
ทั้งนี้เพราะ
อิหม่ามชาฟิอี (ขออัลลอฮเมตตาต่อท่าน)ได้อ้างกระทำของเคาะลิฟะฮอุมัร เป็นตัวอย่างของคำว่า “บิดอะฮที่ถูกสรรเสริญ “ เพราะการกระทำของอุมัร มีรากฐานมาจากการกระทำของท่านรซูลุลลอฮ
คำว่า “บิดอะฮในทางภาษา อิหม่ามอัชชาฏิบีย์กล่าวว่า
وَأَصْلُ الْمَادَّةِ " بَدَعَ " لِلِاخْتِرَاعِ عَلَى غَيْرِ مِثَالٍ سَابِقٍ ، وَمِنْهُ
قَوْلُ اللَّهِ تَعَالَى : ( بَدِيعُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ ) ، أَيْ : مُخْتَرِعُهَا مِنْ غَيْرِ مِثَالٍ سَابِقٍ مُتَقَدِّمٍ .
وَقَوْلُهُ تَعَالَى : ( قُلْ مَا كُنْتُ بِدْعًا مِنَ الرُّسُلِ ) ; أَيْ : مَا كُنْتُ أَوَّلَ مَنْ جَاءَ بِالرِّسَالَةِ مِنَ اللَّهِ إِلَى الْعِبَادِ ، بَلْ تَقَدَّمَنِي كَثِيرٌ مِنَ الرُّسُلِ .
และรากฐาน (ที่มา)ของคำว่า “บะดะอะ (بدع ) นั้น สำหรับการประดิษฐ์ขึ้นมาใหม่ โดยไม่มีแบบอย่างมาก่อน ส่วนหนึ่งจากมัน คือคำดำรัสของพระองค์อัลลอฮฺที่ว่า :
بَدِيعُ السَّمَاوَاتِ وَالْأَرْضِ
ความว่า "พระองค์อัลลอฮฺ คือผู้ที่ประดิษฐ์บรรดาชั้นฟ้าและพื้นแผ่นดิน” (อัล-บากอเราะฮฺ 117 ) หมายถึง พระองค์อัลลอฮฺได้สร้างมันขึ้นมา โดยที่ไม่มีตัวอย่างมาก่อน(คือไม่มีการสร้างมาก่อน พระองค์คือผู้ที่แรกเริ่ม )
และ และจากดำรัสของพระองค์อีกว่า
﴿قُلْ مَا كُنتُ بِدْعًا مِّنَ الرُّسُلِ﴾ [الأحقاف: 9]
ความว่า : จงกล่าวเถิดมุหัมมัด ฉันไม่ใช่บุคคลแรกจากบรรดาศาสนทูต" (อัล-อะหฺกอฟ 9) 
หมายถึง : ฉันไม่ใช่ผู้แรกที่นำสารจากพระผู้เป็นเจ้าสู่มวลมนุษย์ แต่มีบรรดาศาสนทูตมากมายก่อนหน้าฉันเหมือนกัน –ดู อัลเอียะติศอม เล่ม 1 หน้า 41
 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
………….
บรรดานักปราชญ ได้ระบุว่า คำพูดของ เคาะลิฟะฮอุมัรที่ว่า “มันคือ บิดอะฮที่ดี” หมายถึงบิดอะฮในทางภาษา ซึ่ง มีความหมายว่า ริเริ่มขึ้นมาใหม่ตามความหมายทางภาษา ไม่ใช่หมายถึงประดิษฐศาสนบัญญัติหรือคำสอนศาสนาขึ้นมาใหม่ อย่างที่อะฮลุดบิดอะฮเอามาบิดเบือนและเอามาเป็นข้ออ้างประดิษฐบิดอะฮในคำสอนศาสนา ทั้งนี้ เพราะในกรณีของการกระทำของท่านอุมัรนั้น มีแบบอย่างมาก่อนแล้ว คือ การกระทำของรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ เพราะเหตุนี้อิหม่ามชาฟิอีจึงนำ คำพูดของท่านเคาะลิฟะฮอุมัร มาเป็นหลักฐาน
อิบนุเราะญับ(ร.ฮ) ได้ยืนว่า คำพูดของชาวสะลัฟนั้น เมื่อเขาพูดถึงบิดอะฮที่ดี เขาหมายถึง บิดอะฮในทางภาษา
وَأَمَّا مَا وَقَعَ فِي كَلَامِ السَّلَفِ مِنَ اسْتِحْسَانِ بَعْضِ الْبِدَعِ ، فَإِنَّمَا ذَلِكَ فِي الْبِدَعِ اللُّغَوِيَّةِ ، لَا الشَّرْعِيَّةِ ، فَمِنْ ذَلِكَ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ لَمَّا جَمَعَ النَّاسَ فِي قِيَامِ رَمَضَانَ عَلَى إِمَامٍ وَاحِدٍ فِي الْمَسْجِدِ ، وَخَرَجَ وَرَآهُمْ يُصَلُّونَ كَذَلِكَ فَقَالَ : نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ .
สำหรับสิ่งที่ปรากฏในคำพูดของสะลัฟ จากการที่เห็นว่าบางส่วนของบิดอะฮเป็นสิ่งที่ดีนั้น ความจริง ดังกล่าวนั้น เกี่ยวกับบิดอะฮในเชิงภาษา ไม่ใช่ ในด้านศาสนา แล้วส่วนหนึ่งจากดังกล่าวนั้น คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)เมื่อได้รวมผู้คนให้มาละหมาดกิยามุเราะมะฏอน(ตะรอเวียะ) ภายใต้การนำของอิหม่ามคนเดียวกัน ในมัสญิด และท่านได้ออกมาเห็นพวกเขา กำลังละหมาดเช่นนั้น จึงกล่าวว่า “ นี่คือ บิดอะฮที่ดี – ญามิอุลอุลูมวัลหิกัม 1/129
.........
ท่านอุมัร (ร.ฎ) ได้จัดให้มีการละหมาดตะรอเวียะในรูปแบบญะมาอะฮ
หลังจากที่ได้มีการปฏิบัติมาแล้วโดยการนำของนบี ศอ็ลฯแต่ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้หยุดไว้ เพราะเกรงว่า อัลลอฮจะกำหนดให้เป็นฟัรดู ซึ่งจะสร้างความลำบากแก่อุมมะฮ ต่อมาในสมัยเคาะลิฟะฮอุมัร(ร.ฮ)ท่านอุมัรได้ริเริ่มขึ้นใหม่ ตามแบบที่นบีเคยทำ ท่านจึงกล่าวว่า
نِعْمَتُ الْبِدْعَةُ هَذِهِ
นี่คือ บิดอะฮที่ดี
หมายถึงการริเริ่มที่ดีนั้นเอง
เพราะเหตุนี้ ท่านชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ จึงกล่าวว่า
ومعلوم أنّ كل ما لم يسنه ولا استحبه رسول الله صلى الله عليه وسلم ولا أحد من هؤلاء الذين يقتدي بهم المسلمون في دينهم فإنه يكون من البدع المنكرات، ولا يقول أحد في مثل هذا أنّه بدعة حسنة"
และเป็นที่รู้กันว่า ทุกสิ่งที่ท่านรซูลลุลลอฮ ศ็อลลอ็ลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ไม่ได้ทำแบบอย่างเอาไว้และไม่ได้ส่งเสริมมัน และไม่มีคนหนึ่งคนใดจากพวกเขา (หมายถึงเหล่าเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน)ที่บรรดามวลมุสลิมปฏิบัติตามพวกเขา ในเรื่องศาสนาของพวกเขา (ได้ทำแบบอย่างและส่งเสริมให้กระทำ) ดังนั้นแท้จริงมันเป็นส่วนหนึ่งจากบิดอะฮที่ต้องห้าม และไม่มีคนใดกล่าว ในกรณีแบบนี้ว่า เป็น “บิดอะฮหะสะนะฮ”- มัจญมัวะอัลฟะตาวา เล่ม 27 หน้า 152
..................
กล่าวคือ สิ่งที่นบี ศอ็ลฯและบรรดาเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน ไม่ได้ทำแบบอย่างไว้ ไม่ได้ส่งเสริมให้ทำ ในเรื่อง ศาสนา คือ บิดอะฮที่ต้องห้าม ไม่มีใครบอกว่า "เป็นบิดอะฮที่ดี หรอก
........
อิหม่ามชาฟิอี(ร.ฎ) เป็นปราชญที่เข้มหงวด เรื่องให้ตามสุนนะฮ มันเป็นไปได้อย่างไรที่ท่านอนุญาตให้อุตริบิดอะฮในเรื่องศาสนา ดังรายงานต่อไปนี้
حَدَّثَنَا محمد بن علي بن حبيش ، ثَنَا الحسن بن علي الجصاص ، قَالَ : سَمِعْتُ الربيع بن سليمان ، يَقُولُ : سَأَلَ رَجُلٌ الشَّافِعِيَّ عَنْ حَدِيثِ النَّبِيِّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ ، فَقَالَ لَهُ الرَّجُلُ : فَمَا تَقُولُ ؟ فَارْتَعَدَ وَانْتَفَضَ ، وَقَالَ : أَيُّ سَمَاءٍ تُظِلُّنِي وَأَيُّ أَرْضٍ تُقِلُّنِي إِذَا رَوَيْتُ عَنْ رَسُولِ اللَّهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَقُلْتُ بِغَيْرِهِ ؟
มุหัมหมัด บิน อาลี บิน หุบัยช ได้เล่าเรา หะซัน บิน อาลี อัลญัศศอศ ได้เล่าเรา โดยเขากล่าวว่า ข้าพเจ้าได้ยิน อัรเราะเบียะ บิน สุลัยมาน กล่าวว่า “ ชายคนหนึ่งได้ถามชาฟิอี เกี่ยวกับหะดิษนบี ศอ็ลฯ(หลังจากอิหม่ามชาฟิอีตอบ) แล้วชายผู้นั้น กล่าวแก่เขา(ชาฟิอี) ว่า ท่านมีทัศนะอย่างไร ? อิหม่ามชาฟิอี แสดงอาการตัวสั่น(ด้วยความโกรธ) และกล่าวว่า “ แผ่นฟ้าใหนหรือที่ปกคลุมฉัน และแผ่นดินใหนหรือ ที่ให้ฉันเหยียบย่ำ ,เมื่อฉัน รายงานจากรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ และฉันกล่าว(มีทัศนะ)ด้วยอื่นจากมันกระนั้นหรือ? – ดู หิลยะตุลเอาลิยาอ เล่ม 9 หน้า 107
...............
อิหม่ามชาฟิอี (ร.ฮ) โกรธมาก เมื่อมีผู้ถามเกี่ยวกับหะดิษนบี แล้วมีคนถามความเห็นของท่าน ท่านจึงบอกว่า เมื่อท่านรายงานหะดิษจากท่านนบี แล้วจะให้ท่านมีทัศนะอื่นจากหะดิษนบีอย่างนั้นหรือ นี่คือความเข้มงวด เรื่องสุนนะฮ ของอิหม่ามชาฟิอี แต่มีคนเอาคำพูดของท่านไปแอบอ้างบิดเบือนว่าท่านสอนให้อุตริบิดอะฮในศาสนา –วัลอิยาซุบิลละฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
7/7/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น