
ชี้แจงข้อกล่าวหาของ อุหมาด รัตนพงศ์ กรณีแบ่งบิดอะฮทางดุนยา
Umar Binhaji Ibraheem
เมื่อสามสี่ปีที่แล้ว มีวาบีกลับกลอกคนหนึ่งบอกผมว่า การเทียบเคียงหรือสิ่งที่ว่าด้วยเรื่องบิดอะห์
ไม่เกี่ยวกับฮาดิส ผสมเกษรอินทผาลัมเลย
(ตอนนั้นเขาคิดว่าผมวาบีมั้งเพราะผมอ้างฮาดิสนั้น)
แต่พอณ.วันนี้ นายอะสัน สถิตย์ อ้างฮาดิส ผสมเกษร อินทผาลัมมาเป็นหลักฐาน เรื่องแบ่งบิดอะห์ ดุนยา กับศาสนา
วาบีตัวนั้นมุดรู้แย้ ไม่กล้าค้านสักคำ5555
ไม่เกี่ยวกับฮาดิส ผสมเกษรอินทผาลัมเลย
(ตอนนั้นเขาคิดว่าผมวาบีมั้งเพราะผมอ้างฮาดิสนั้น)
แต่พอณ.วันนี้ นายอะสัน สถิตย์ อ้างฮาดิส ผสมเกษร อินทผาลัมมาเป็นหลักฐาน เรื่องแบ่งบิดอะห์ ดุนยา กับศาสนา
วาบีตัวนั้นมุดรู้แย้ ไม่กล้าค้านสักคำ5555
@@@@
ชี้แจง
ผมไม่ทราบว่าทำไมคุณอุหมาด รัตนพงษ์จึงพยายทุกวิถีทางที่จะให้ร้ายและทำลายผม ตลอดเวลา โดยการกล่าวเท็จและบิดเบือนแทนที่จะนำเสนอวิชาการที่เขาเห็นว่าถูกต้อง มายืนยันว่าการทำบิดอะฮในศาสนาเป็นที่อนุญาตในทัศนะของเขา แต่ไม่ทำ แต่ทำดังที่ปรากฏในวาทกรรมกล่าวหาข้างต้น
มาดูหะดิษผสมเกษรอินทผลัมดังนี้
حَدَّثَنَا مُحَمَّدُ بْنُ يَحْيَى، حَدَّثَنَا عَفَّانُ، حَدَّثَنَا حَمَّادٌ، حَدَّثَنَا ثَابِتٌ، عَنْ أَنَسِ بْنِ مَالِكٍ، وَهِشَامُ بْنُ عُرْوَةَ، عَنْ أَبِيهِ، عَنْ عَائِشَةَ، أَنَّ النَّبِيَّ صلى الله عليه وسلم سَمِعَ أَصْوَاتًا . فَقَالَ " مَا هَذَا الصَّوْتُ " . قَالُوا النَّخْلُ يُؤَبِّرُونَهُ فَقَالَ " لَوْ لَمْ يَفْعَلُوا لَصَلَحَ " . فَلَمْ يُؤَبِّرُوا عَامَئِذٍ فَصَارَ شِيصًا فَذَكَرُوا لِلنَّبِيِّ صلى الله عليه وسلم فَقَالَ " إِنْ كَانَ شَيْئًا مِنْ أَمْرِ دُنْيَاكُمْ فَشَأْنَكُمْ بِهِ وَإِنْ كَانَ شَيْئًا مِنْ أُمُورِ دِينِكُمْ فَإِلَىَّ " .
*
คำแปลตัวบท
..
จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เมื่อ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ยินเสียงดังมาจากต้นอินผลัม ท่านได้กล่าวถามว่า " เสียงนี้คืออะไร? " พวกเขา(ชาวสวนอินทผลัม)กล่าวตอบว่า " พวกเรากำลังผสมเกสรอินทผลัม " ท่านนบีฯจึงกล่าวว่า " ถ้าพวกท่านไม่ทำอย่างนั้นมันอาจจะดีกว่านะ " ในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ได้รับการผสมเกสร และในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ติดผลอย่างที่เคย ชาวสวนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปบอกท่านนบีฯ และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า ;
“หากว่ามีเรื่องใดก็ตามจากดุนยาของพวกเจ้า มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าในเรื่องนั้น และแท้จริงหากมีเรื่องใดก็ตามจากของศาสนาของพวกเจ้า ก็จงกลับมาที่ฉัน”
เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อิบนุ มาญะฮฺ" : 2019 , เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ" : 5601 , เศาะฮีหฺ อิบนุ หิบบาน : 22
*
คำแปลตัวบท
..
จากท่านหญิงอาอิชะฮฺ เราะฎิยัลลอฮุอันฮา เมื่อ ท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้ยินเสียงดังมาจากต้นอินผลัม ท่านได้กล่าวถามว่า " เสียงนี้คืออะไร? " พวกเขา(ชาวสวนอินทผลัม)กล่าวตอบว่า " พวกเรากำลังผสมเกสรอินทผลัม " ท่านนบีฯจึงกล่าวว่า " ถ้าพวกท่านไม่ทำอย่างนั้นมันอาจจะดีกว่านะ " ในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ได้รับการผสมเกสร และในปีนั้นอินทผลัมก็ไม่ติดผลอย่างที่เคย ชาวสวนจึงนำเรื่องดังกล่าวไปบอกท่านนบีฯ และท่านนบี ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิ วะซัลลัม ได้กล่าวว่า ;
“หากว่ามีเรื่องใดก็ตามจากดุนยาของพวกเจ้า มันก็เป็นหน้าที่ของพวกเจ้าในเรื่องนั้น และแท้จริงหากมีเรื่องใดก็ตามจากของศาสนาของพวกเจ้า ก็จงกลับมาที่ฉัน”
เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อิบนุ มาญะฮฺ" : 2019 , เศาะฮีหฺ–อัลบานียฺ "เศาะฮีหฺ อัลญามิอฺ" : 5601 , เศาะฮีหฺ อิบนุ หิบบาน : 22
ชัยค์อาลี บิน สุลฏอน มุหัมหมัด อัลกอรีย์ กล่าวว่า
مِنْ أَمْرِ دِينِكِمْ أَيْ مِمَّا يَنْفَعُكُمْ فِي أَمْرِ دِينِكُمْ ( فَخُذُوا بِهِ ) : أَيِ افْعَلُوهُ فَإِنِّي إِنَّمَا نَطَقْتُ بِهِ عَنِ الْوَحْيِ ( وَإِذَا أَمَرْتُكُمْ بِشَيْءٍ مِنْ رَأْيِي ) . وَفِي نُسْخَةٍ : مِنْ رَأْيٍ أَيْ مُتَعَلِّقٍ بِالدُّنْيَا الَّتِي لَا ارْتِبَاطَ لَهَا بِالدِّينِ وَأَخْطَأْتُ فَلَا تَسْتَبْعِدُوا ، وَقِيلَ : فَمَنْ شَاءَ فَعَلَهُ وَمَنْ شَاءَ لَمْ يَفْعَلْهُ ( فَإِنَّمَا أَنَا بَشَرٌ ) ، أَيْ : فَإِنِّي بَشَرٌ أُخْطِئُ وَأُصِيبُ كَمَا جَاءَ فِي خَبَرِ أَحْمَدَ
(เกี่ยวกับศาสนาของพวกท่าน) หมายถึง จากสิ่งที่มีประโยชน์กับพวกท่าน ในเรื่องศาสนาของพวกท่าน(พวกท่านจงเอามัน) หมายถึงพวกท่านจงปฏิบัติมัน เพราะความจริงฉัน พูดด้วยมันจากวะหยู ( และเมื่อฉันสั่งพวกท่านด้วยสิ่งใด เกี่ยวกับความเห็น ของฉัน) และในสำเนาหนึ่ง ระบุว่า "จากความเห็น หมายถึง เกี่ยวกับทางดุนยา ที่ ไม่ผูกมัดมันกับเรื่องศาสนา และฉันผิดพลาด พวกท่านอย่าได้ออกห่าง และถูกกล่าวว่า ผู้ใดประสงค์จะทำก็ทำ ผู้ใดประสงค์(จะไม่ทำ)เขาก็ไม่ต้องทำมัน (เพราะความจริงฉันคือมนุษย์ปุถุชนคนหนึ่ง )หมายถึง แท้จริงฉันเป็นมนุษย์ มีผิดพลาดและถูกต้อง ดังหะดิษที่มีมาในการบอกเล่าของอะหมัด - มิรกอตุลมะฟาเตียะ ชัรหมิซกาติลมะศอเบียะ 1/346 อธิบายหะดิษหมายเลข 147 เรื่อง باب الاعتصام بالكتاب والسنة
..........
ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้แยกระหว่างกิจการทางศาสนาและกิจการทางโลกไว้เรียกร้อยแล้ว คือ ถ้าเป็นเรื่อง ศาสนา ก็จงปฏิบัติตามเพราะท่านนบีพูดมาจากวะหยู แต่ถ้าเป็นความเห็นของท่านนบีเกี่ยวกับทางดุนยา ที่ไม่ผูกมัดกับเรื่องศาสนา และ ผิดพลาด ก็อย่าออกห่าง หมายถึง ให้ปฏิบัติได้ แม้ท่านนบีจะไม่เห็นด้วย เช่นกรณี การผสมเกสรอินทผลัม
..........
ท่านนบี ศอ็ลฯ ได้แยกระหว่างกิจการทางศาสนาและกิจการทางโลกไว้เรียกร้อยแล้ว คือ ถ้าเป็นเรื่อง ศาสนา ก็จงปฏิบัติตามเพราะท่านนบีพูดมาจากวะหยู แต่ถ้าเป็นความเห็นของท่านนบีเกี่ยวกับทางดุนยา ที่ไม่ผูกมัดกับเรื่องศาสนา และ ผิดพลาด ก็อย่าออกห่าง หมายถึง ให้ปฏิบัติได้ แม้ท่านนบีจะไม่เห็นด้วย เช่นกรณี การผสมเกสรอินทผลัม
มาดูนักปราชญที่เข้าใจศาสนากล่าวไว้
การประดิษฐ์สิ่งใหม่ในทางดุนยานั้น ท่านอิบนุอับดิลบัร(ร.ฎ)ได้ชี้แจงชัดเจนว่า
وَأَمَّا ابْتِدَاعُ الْأَشْيَاءِ مِنْ أَعْمَالِ الدُّنْيَا فَهَذَا لَا حَرَجَ فِيهِ وَلَا عَيْبَ عَلَى فَاعِلِهِ
สำหรับ การประดิษฐสิ่งต่างๆ ขึ้นมาใหม่ ที่เกี่ยวกับบรรดาการกระทำ ทางดุนยา(หรือทางโลก)นั้น ไม่มีความผิดใดๆ ในมัน และไม่มีการตำหนิใดๆแก่ผู้ที่กระทำมัน - ดู อัลอิสติซกาซ เล่ม 2 หน้า 67
ชัยค์มุหัมหมัด รอชีดริฎอ(ร.ฮ) กล่าวว่า
كل ما أحدثه الناس في أمر الدين ولم يأخذوه من كتاب الله أو سنة
رسوله المبينة لكتابه فهو بدعة سيئة وضلالة يستحق متبعها العقوبة في النار ، وإن لم يصح في الحديث زيادة : ( وكل ضلالة في النار ) فقد أتم الله الدين وأكمله فمن
زاد فيه كمن نقص منه كلاهما جان عليه وغير راض بما شرعه الله ، وأعني
بالدين هنا : مسائل العقائد والعبادات والحلال والحرام دون الأحكام الدنيوية التي
فوض الشرع أمرها إلى أولي الأمر ليقيسوها على الأصول العامة التي وضعها
لها
رسوله المبينة لكتابه فهو بدعة سيئة وضلالة يستحق متبعها العقوبة في النار ، وإن لم يصح في الحديث زيادة : ( وكل ضلالة في النار ) فقد أتم الله الدين وأكمله فمن
زاد فيه كمن نقص منه كلاهما جان عليه وغير راض بما شرعه الله ، وأعني
بالدين هنا : مسائل العقائد والعبادات والحلال والحرام دون الأحكام الدنيوية التي
فوض الشرع أمرها إلى أولي الأمر ليقيسوها على الأصول العامة التي وضعها
لها
ทุกๆสิ่งที่บรรดามนุษย์ประดิษฐ์ขึ้นใหม่ในกิจการศาสนา และพวกเขาไม่ได้เอามันมาจากกิตาบุลลอฮ และสุนนะฮของรอซูลของพระองค์ ที่เป็นผู้อธิบายคัมภีร์ของพระองค์ มันคือ บิดอะฮที่เลวและหลงผิด ที่ผู้ที่ปฏิบัติตามมันสมควรที่จะได้รับการลงโทษ ในนรก แม้ว่า สำนวนหะดิษที่มีข้อความเพิ่มเติมที่ว่า(และทุกๆบิดอะฮอยู่ในนรก)จะไม่เศาะเฮียะก็ตาม เพราะแท้จริง อัลลอฮได้ให้ศาสนาครบถ้วนและทรงให้มันสมบูรณ์แล้ว ดังนั้น ผู้ใด เพิ่มเติม ในศาสนา ก็เหมือนกับผู่ที่ทำให้บกพร่องจากมัน ,ทั้งสองนั้น คือ ผู้ก่ออาชญากรรม ต่อ ศาสนา และไม่ยอมรับด้วยสิ่งที่อัลลอฮได้ทรงบัญญัติมัน และ ที่ข้าพเจ้าหมายถึง คำว่า ศาสนาในที่นี้ หมายถึง บรรดาประเด็นเกี่ยวกับอะกีดะฮและอิบาดะฮ ,หะลาล และ หะรอม อื่นจากบรรดาหุกุมต่างๆเกี่ยวกับทางโลก ที่ศาสนามอบหมายกิจการของมัน ให้เป็นหน้าที่ของอุลิลอัมริ (หมายถึงอุลามาอฺ) เพือพวกเขาจะได้เทียบเคียง(ทำการกิยาส) บนบรรดารากฐานทั่วไป(ที่ระบุไว้กว้างๆ)ที่มันถูกวางเอาไว้... ดูมัจญละฮอันมะนาร เล่ม 7 หน้า 58 หัวข้อ บิดอะฮเกี่ยวกับศาสนาและบิดอะฮเกี่ยวกับดุนยา
..........
สรุปคือ
1.บิดอะฮเกี่ยวกับกิจการศาสนาเป็นสิ่งที่เลวและหลงผิด
2. คำว่า "บิดอะฮในทางศาสนา หมายถึงประเด็น เกี่ยวกับอะกีดะฮและอิบาดะฮ, เรื่อง หะลาล หะรอม ที่ไม่เกี่ยวกับบรรดาหุกุมทางดุนยา(ทางโลก)
2. หุกุมต่างๆที่เกี่ยวกับทางโลกนั้น ศาสนาได้มอบหมายให้บรรดาผู้รู้(อุลุลอัมริ)ทำการการกิยาส กับรากฐาน ที่ระบุเอาไว้กว้างๆ ที่ศาสนาได้วางไว้แล้ว
4. ผู้ที่อุตริบิดอะฮในทางศาสนาคือ ผู้ก่ออาชญากรรมต่อศาสนา
.....
เพราะฉะนั้น การที่คุณ อุหมาด รัตนพงษ์ โจมตีว่า หะดิษผสมเกสรไม่เกี่ยวกับเรื่อง บิดอะฮทางดุนยา และปฏิเสธการแบ่งบิดอะฮทางศาสนาและบิดอะฮทางดุนยานั้น เป็นการนั่งเทียนกล่าวหาด้วยอคติ ว่า ผมมุดรูแย้ไม่กล้าตอบนั้น ผมได้ตอบแล้ว แม้ว่าคุณอุหมาดจะยังคงดันทุรังให้ร้ายผมและส่งเสริมมันต่อไปก็ตาม และขอเรียนว่า การใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อและใส่ร้ายและทำลาย คนที่เห็นต่างกับท่านนั้นมันไม่ใช่วิธีการของผู้ที่นับถือศาสนาของอัลลอฮ
..........

สรุปคือ
1.บิดอะฮเกี่ยวกับกิจการศาสนาเป็นสิ่งที่เลวและหลงผิด
2. คำว่า "บิดอะฮในทางศาสนา หมายถึงประเด็น เกี่ยวกับอะกีดะฮและอิบาดะฮ, เรื่อง หะลาล หะรอม ที่ไม่เกี่ยวกับบรรดาหุกุมทางดุนยา(ทางโลก)
2. หุกุมต่างๆที่เกี่ยวกับทางโลกนั้น ศาสนาได้มอบหมายให้บรรดาผู้รู้(อุลุลอัมริ)ทำการการกิยาส กับรากฐาน ที่ระบุเอาไว้กว้างๆ ที่ศาสนาได้วางไว้แล้ว
4. ผู้ที่อุตริบิดอะฮในทางศาสนาคือ ผู้ก่ออาชญากรรมต่อศาสนา
.....
เพราะฉะนั้น การที่คุณ อุหมาด รัตนพงษ์ โจมตีว่า หะดิษผสมเกสรไม่เกี่ยวกับเรื่อง บิดอะฮทางดุนยา และปฏิเสธการแบ่งบิดอะฮทางศาสนาและบิดอะฮทางดุนยานั้น เป็นการนั่งเทียนกล่าวหาด้วยอคติ ว่า ผมมุดรูแย้ไม่กล้าตอบนั้น ผมได้ตอบแล้ว แม้ว่าคุณอุหมาดจะยังคงดันทุรังให้ร้ายผมและส่งเสริมมันต่อไปก็ตาม และขอเรียนว่า การใช้วิธีโฆษณาชวนเชื่อและใส่ร้ายและทำลาย คนที่เห็นต่างกับท่านนั้นมันไม่ใช่วิธีการของผู้ที่นับถือศาสนาของอัลลอฮ
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
24/7/60
อะสัน หมัดอะดั้ม
24/7/60
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น