วันพุธที่ 10 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

บิดอะฮหะสะนะฮคือสุนนะฮจริงหรือ



ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


ในภาพอาจจะมี ข้อความ



และข้างล่างนี้คือ การบิดเบือน เพิ่มคำว่า "บิดอะฮหะสะนะฮ"ในคำพูดอิบนุอะษีร

ในภาพอาจจะมี ข้อความ

บิดอะฮหะสะนะฮคือสุนนะฮจริงหรือ
นาย Amaluddeen Abdulqodir อ้างโดยคัดลอกมาจากเว็บสะติวเด้นว่า
อิบนุอะษีรได้กล่าวยืนยันว่า
والبدعة الحسنة فى الحقيقة سنة، وعلى هذا التأويل يحمل حديث " كل محدث بدعة" على ما خالف أصول الشريعة، وما لم يخالف السنة
"และในความเป็นจริงแล้วบิดอะฮ์หะสะนะฮ์ ก็คือซุนนะฮ์นั่นเอง และให้อธิบายตามนัยนี้ หะดิษที่ว่า "ทุกๆสิ่งที่เกิดขึ้นมาใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ์" โดยหมายถึง สิ่งที่ขัดกับหลักพื้นฐานของศาสนา และสิ่งที่ขัดกับซุนนะฮ์ " ดู หนังสือ อันนิฮายะฮ์ เล่ม 1 หน้า 80
..........
ชี้แจง
1. ข้อความข้างต้นขัดกับความเป็นจริง เพราะคำว่า "บิดอะฮ"คือ สิ่งที่ตรงกันข้ามกับคำว่า"สุนนะฮ
บิดอะฮ คือ คำสอนศาสนาที่ไม่มีที่มาจากอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ หากสิ่งใด ตรงกับอัลกุรอ่านและอัสสุนนะฮ มันเป็น" บิดอะฮ"ได้อย่างไร และบิดอะฮ กลายมาเป็นสุนนะฮได้อย่างไร เพราะท่านนบีกล่าวว่า
عليكم بسنتي وسنة الخلفاء الراشدين المهديين من بعدي ، تمسكوا بها وعضوا عليها بالنواجذ ، وإياكم ومحدثات الأمور ، فإن كل محدثة بدعة ، وكل بدعة ضلالة
พวกท่านจงยึดมั่นในสุนนะฮ(แบบอย่าง)ของฉัน และบรรดาเคาะลิฟะฮผู้ชี้ทางที่ถูกต้อง ผู้ได้รับทางนำหลังจากฉัน จงยึดถือมัน และจงกัดกรามต่อมัน(หนักแน่นอดทน) และพึงระวังสิ่งที่ถูกอุตริขึ้นใหม่ในศาสนา และแท้จริงทุกสิ่งอุตริขึนใหม่นั้น เป็นบิดอะฮ และทุกบิดอะฮ นั้น เป็นการหลงผิด" - บันทึกโดยอะหมัด และ อัตติรมิซีย์
ชาวอะชาอีเราะฮในปัจจุบันมักอ้างว่า ท่านเคาะลิฟะฮอุมัร ทำบิดอะฮ โดยจัดให้มีอีหม่ามนำละหมาดตะรอเวียะ ทั้งๆที่ ท่านนบีเคยทำ และท่านนบีเองก็สอนให้ตามสุนนะฮเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน แล้วสิ่งที่ท่านเคาะลิฟะฮอุมัรทำนั้น "เป็นบิดอะฮได้อย่างไร
จากหะดิษข้างต้นท่านนบี ศอ็ลลัลลอฮุอะลัยฮิวะสัลลัม ใช้คำว่า .
... وسنة الخلفاء الراشدين
(และสุนนะฮ(แบบอย่างของเคาะลิฟะอฮอัรรอชิดีน...) 
ไม่ได้ใช้คำ
بدعة الخلفاء الراشدين
(และบิดอะฮของเคาะลิฟะฮอัรรอชิดีน....) เพราะการกระทำของเคาะลิฟะฮในเรื่อง ศาสนา คือ สุนนะฮ ที่ท่านนบีได้รับรองไว้ มันเป็นบิดอะฮได้อย่างไร
2. เป็นการบิดเบือนคำพูดของอิบนุอัลอะษีร โดยเพิ่มข้อความคำว่า "
والبدعة الحسنة
โดยอ้างว่า อิบนุอะษีร กล่าวยืนยันไว้ว่า
والبدعة الحسنة وهي في الحقيقة سنة
โดย แปลว่า ในความเป็นจริงแล้ว บิดอะฮหะสะนะฮคือ สุนนะฮนั้นเอง ......โดยอ้างว่า อยู่ในอัลนิฮายะฮ เล่ม 1 หน้า 80
ผมไปดูหน้า 80 ไม่มี แต่ปรากฏในหน้า 107 ฉบับตรวจท่านโดย ฏอฮีร อะหมัด อัซซาวีย์ คือ
فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ
ดังนั้นด้วยเหตุนี้เขาเรียกมันว่า บิดอะฮ โดยที่ความจริงมันคือสุนนะฮ
ไม่มีคำว่า "บิดอะฮหะสะนะฮ(ดูสำเนาที่แนบมา)
ความจริง ท่านอิบนุอัลอะษีร หมายถึง สิ่งที่ท่านเคาะลิฟะฮอุมัรรวมผู้คน ให้ปฏิบัติ ซึ่งหมายถึงละหมาดตะรอเวียะ มาดูเต็มๆ
มาดูอิบนุอัลอะษีร กล่าวไว้
. وَمِنْ هَذَا النَّوْعِ قَوْلُ عُمَرَ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ : نِعْمَتِ الْبِدْعَةُ هَذِهِ . لَمَّا كَانَتْ مِنْ أَفْعَالِ الْخَيْرِ وَدَاخِلَةً فِي حَيِّزِ الْمَدْحِ سَمَّاهَا بِدْعَةً وَمَدَحَهَا ; لِأَنَّ النَّبِيَّ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ لَمْ يَسُنَّهَا لَهُمْ ، وَإِنَّمَا صَلَّاهَا لَيَالِيَ ثُمَّ تَرَكَهَا وَلَمْ يُحَافِظْ عَلَيْهَا ، وَلَا جَمَعَ النَّاسَ لَهَا ، وَلَا كَانَتْ فِي زَمَنِ أَبِي بَكْرٍ ، وَإِنَّمَا عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا ، فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ ، لِقَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِينَ مِنْ بَعْدِي وَقَوْلِهِ : اقْتَدُوا بِاللَّذَيْنِ مِنْ بَعْدِي أَبِي بَكْرٍ وَعُمَرَ
และส่วนหนึ่งจากชนิดนี้ คือ คำพูดของอุมัร (ร.ฎ)ที่ว่านี้คือ บิดอะฮที่ดี เมื่อมัน (หมายถึงละหมาดตะรอเวียะในรูปญะมาอะฮที่อุมัรส่งเสริมให้ทำ)เป็นส่วนหนึ่งจาก บรรดาการกระทำที่ และมันเข้าอยู่ภายใต้ ขอบเขตของการสรรเสริญ เขาจึงเรียกมันว่าว่า “บิดอะฮ” และยกย่องมัน เพราะแท้จริงนบี สอ็ลฯ ไม่ได้กำหนดมันให้เป็นแนวทางเอาไว้ และความจริงท่านนบีได้ละหมาด มันหลายคืน ต่อมาท่านได้ทิ้งมัน และท่านไม่ได้เอาใจใส่มัน ,ท่านไม่ได้รวบรวมผู้คน สำหรับมัน และมันไม่ปรากฏในสมัยอบีบักร์ และความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมัน และส่งเสริมพวกเขาไปสู่มัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกว่าบิดอะฮ และในความเป็นจริงมันคือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน....และท่านนบีกล่าวว่า พวกท่านจงปฏิบัติตาม บรรดาผู้ที่อยู่หลังจากฉัน คือ อบูบักร์และอุมัร 
النهاية في غريب الحديث لابن الأثير 1 / 106- 107
มาดูประโยคนี้
وَإِنَّمَا عُمَرُ رَضِيَ اللَّهُ عَنْهُ جَمَعَ النَّاسَ عَلَيْهَا وَنَدَبَهُمْ إِلَيْهَا ، فَبِهَذَا سَمَّاهَا بِدْعَةً ، وَهِيَ عَلَى الْحَقِيقَةِ سُنَّةٌ ، لِقَوْلِهِ صَلَّى اللَّهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ : عَلَيْكُمْ بِسُنَّتِي وَسُنَّةِ الْخُلَفَاءِ الرَّاشِدِينَ
และความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมัน และส่งเสริมมัน เพราะเหตุนี้จึงเรียกมันว่าบิดอะฮ และในความเป็นจริงมันคือสุนนะฮ เพราะนบี ศอ็ลฯกล่าวว่า พวกท่านจงยึดสุนนะฮของฉันและ สุนนะฮเคาลิฟะฮรอชิดี หลังจากฉัน.
.........
คำว่า ความจริง อุมัร(ร.ฏ) ได้รวบรวมผู้คน บนมันและกระตุ้นหรือส่งเสริมพวกเขาไปสู่มัน หมายถึง สิ่งที่ท่านได้รวบรวมคน ให้ปฏิบัติ คือการละหมายตะรอเวียะ
การนำกรณีคำพูดของท่านอุมัร มาสนับสนุน การคิดบิดอะฮขึ้นมา แล้วมีความเห็นว่าดี แล้วอ้างว่าบิดอะฮที่ดีที่คิดกันมาเองว่า "คือ
สุนนะฮ" เป็นการบิดเบือน คำพูดของท่านอุมัร
ขอเรียนว่า ในเรื่องศาสนา ไม่มีบิดอะฮที่ดี ดังที่ท่านอิบนุอุมัร (ร.ฎ) กล่าวว่า
كل بدعة ضلالة وإن رآها الناس حسنة
ทุกบิดอะฮคือการหลงผิด และแม้ว่ามนุษย์จะเห็นว่ามันเป็นสิ่งที่ดีก็ตาม –ดูที่มาข้างล่าง
رواه اللالكائي (رقم126)،وابن بطة (205)،والبيهقي في "المدخل إلى السنن"(191)،وابن نصر في "السنة" (رقم70) بسند صحيح كما في "علم أصول البدع" لعلي الحلبي (ص92
ได้ชี้แจงไปหลายรอบแล้ว แต่ก็มีคนพยายามที่จะเอาข้ออ้างคำพูดของเคาะลิฟะฮอุมัร มาอ้างอุตริบิดอะฮ และพยายามสอดใส้บิดเบือนเพิ่มข้อความในคำพูดของอิบนุอัลอะษีร ซึ่งความจริงแล้ว คำพูดที่เป็นหลักฐานทางศาสนาคือ คำพูดของอัลลอฮและรอซูลของพระองค์ ไม่มีคำพูดใดที่จะมาหักล้างคำพูดของอัลลอฮและรอซูลได้ แต่ อะฮลุลบิดอะฮ พยายามจะทำสิ่งนี้
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
10/6/50

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น