เปิดโปงแนวคิดอะชาอิเราะฮที่บิดเบือนหะดิษเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ

 

เปิดโปงแนวคิดอะชาอิเราะฮที่บิดเบือนหะดิษเพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ

แนวทาง อุลามาอฺ อะหฺลุซซุนนะห์
21 ชม. • 
😂😂นึกไม่ถึงว่ามีมนุษย์ที่เก่งเกิน .. กระทั่งหาอัลลอฮเจอด้วย😜😜
หลักอะกีดะห์ ของหนึ่งจากปราชน์หะดิษในมัสหับชาฟีอีย์ของเรา 
นั่นก็คือ ท่านอิหม่าม อัลฮาฟิซ อัลบัยฮะกีย์ ร.ฮ(384 - 458ฮ) เจ้าของตำราหะดิษ ซุนันอัลกุบร็อย์อันเลื่องลือ
ท่านได้กล่าวไว้ว่า
واستدل بعض أصحابنا في نفي المكان عنه بقول النبي صلى الله عليه وسلم: "أنت الظاهر فليس فوقك شىء، وأنت الباطن فليس دونك شىء"، وإذا لم يكن فوقه شىء ولا دونه شىء لم يكن في مكان"
ความว่า..
และได้นำมาเป็นหลักฐานโดยบางส่วนจากเพื่อนผองของเรา(อุลามาอ์ในอัสหาบชาฟิอีย์)ในการปฏิเสธสถานที่แด่อัลลอฮ
ด้วยกับคำกล่าวของท่านนบี(ศ็อลลัลลอหุอะลัยฮิวะซัลลัม)ที่ว่า .." พระองค์คือผู้ทรงเปิดเผย ฉะนั้นไม่มีสิ่งใดเลยอยู่เหนือพระองค์ 
และพระองค์คือผู้ทรงซ่อนเร้น ฉะนั้นไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ใต้พระองค์ "และเมื่อไม่มีสิ่งใดเลยอยู่เหนือพระองค์ และเช่นกันเมื่อไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ใต้พระองค์ ฉะนั้นก็แสดงว่า ไม่มีให้กับอัลลอฮนั้นซึ่งสถานที่
" จากตำราของท่าน อิหม่าม อัลบัยฮะกีย์ ร.ฮ อัสมาอ์วัศศิฟาต หน้า 373
@@@@@@@
ขี้แจง

ข้อความข้างต้น อาชาอิเราะฮสายกินบุญ เปลี่ยนมือกันมาโพสต์ ครั้งแล้วครั้งเล่าเพื่อปฏิเสธว่าอัลลอฮไม่ได้อยู่เบื้องสูง เริ่มตั้งแต่เว็บไซด์สุนนะฮสะติวเด้น แล้วต่อมา นายอารีฟีน เขียนไว้ในหนังสือ หลักอะกีดะฮ์แนวทางสะลัฟระหว่างอัลอะชาอิเราะฮ์กับวะฮฺฮาบียะฮ์ หน้า 121 แบบตักลิดตาบอด แล้วก็มาถึงคิว นายอะฮลุสสุนนะฮแอบอ้าง ให้ฉายาตัวเองว่า “แนวทาง อุลามาอฺ อะหฺลุซซุนนะห์ เปิดเฟสเผยแพร่ศาสนาโจมตีวะฮบีย์ แต่ไม่กล้าแสดงตัวตน กลัวคนเขารู้ถึงวาทกรรมบิดเบือนและโกหกบิดเบือนของตน –นะอูซุบิลละฮ

ขอเรียนพี่น้องผู้อ่านว่า ข้อมูลข้างต้นเป็นการชงบิดเบือน เพราะ
1.แอบอ้างว่าเป็นทัศนะของอัลบัยฮะกีย์ แต่ความจริง อัลบัยฮะกีย์ ได้กล่าวถึงทัศนะคนอื่นโดยกล่าวว่า
واستدل بعض أصحابنا
บรรดาสหายของเรา ได้อ้างหลักฐาน - นี่คือการอ้างทัศนะของคนบางส่วน
2. การปฏิเสธสถานที่ มัคลูค นั้นไม่มีใครปฏิเสธ ไม่ว่าปราชญมัซฮับใหนก็ตาม ไม่มีใครเชื่อว่าอัลลอฮอาศัยมัคลูคเป็นที่อยู่อาศัย แต่อาชาอิเราะฮสายกินบุญปรักปรำบิดเบือน กล่าวหาว่า คนที่ถูกเรียกว่า “วะฮบี ให้สถาที่แก่อัลลอฮ ความจริงสะลัฟและเคาะลัฟ กล่าวถึงการอยู่เบื้องสูง
ขอเรียนว่า คำว่า “สถานที่” หากเป็นสิ่งที่เป็นมัคลูค แน่นอนไม่มีใครเชื่อและบอกว่า อัลลอฮอาศัยมัคลูคเป็นสถานที่ 
อิบนุตัยมียะฮ(ร.ฮ)อธิบายชัดเจนว่า

السلف والأئمة وسائر علماء السنة إذا قالوا " إنه فوق العرش ، وإنه في السماء فوق كل شيء " لا يقولون إن هناك شيئا يحويه ، أو يحصره ، أو يكون محلا له ، أو ظرفا ووعاء ، سبحانه وتعالى عن ذلك ، بل هو فوق كل شيء ، وهو مستغن عن كل شيء ، وكل شيء مفتقر إليه ، وهو عالٍ على كل شيء

สะลัฟ ,บรรดาอิหม่ามและ อุลามาอฺสุนนะฮอื่นๆ เมื่อพวกเขากล่าวว่า แท้จริงพระองค์ อยู่เหนืออะรัช และแท้จริงพระองค์ อยู่บนฟ้าเหนือทุกๆสิ่ง แท้จริง ณที่นี้ พวกเขา ไม่ได้กล่าว(ไม่ได้หมายถึง) สิ่งใดๆ บรรจุพระองค์เอาไว้ หรือ จำกัดพระองค์ หรือ มันเป็นสถานที่ของพระองค์ หรือ เป็นภาชนะบรรจุ ,พระองค์ทรงมหาบริสุทธิ์ และสูงส่งจากดังกล่าว แต่ทว่า พระองค์ทรงอยู่เหนือทุกสิ่ง และ พระองค์ทรงไม่พึงพาอาศัยทุกๆสิ่ง และทุกๆสิ่งพึงพาอาศัยพระองค์ และพระองค์ทรงอยู่สูงเหนือทุกๆสิ่ง – มัจญมัวะฟาตาวา 16/111-101
ท่านอับดุลเกาะดีร อัลญัยลานีย์ (ฮ.ศ 470-561)นักวิชาการตะเศาวูฟ มัซฮับหัมบะลีย์ กล่าวว่า

وهو بجهة العلو مستو على العرش، محتو على الملك، محيط علمه بالأشياء، {إليه يصعد الكلم الطيب والعمل الصالح يرفعه})

และพระองค์อยู่ทิศเบื้องสูง ทรงเป็นผู้สถิตเหนือบัลลังค์ ทรงเป็นผู้มีอำนาจเหนือการปกครอง ความรู้ของพระองค์ ครอบคลุมบรรดาสรรพสิ่ง (” คำกล่าวที่ดีย่อมจะขึ้นไปสู่พระองค์ และการงานที่ดีนั้นพระองค์ทรงยกย่องสรรเสริญมัน (ฟาฏิร/10) – อัลฆุนยะฮ ลิฏอลิบีย เฏาะรีกิลหัก 1/121
.............
ข้างต้นชัดเจนว่า คำว่า สถานที่ คือกาอยู่เบื้องสูง ไม่ใช่มัคลูคอย่างที่อาชาอิเราะฮสายกินบุญบิดเบือนปรักปรำให้กับคนที่เขาเรียกวะฮบีย์
3.มีการให้ความหมายบิดเบือน คำว่า 
 وَأَنْتَ الْبَاطِنُ فَلَيْسَ دُونَكَ شَيْءٌ،
โดยอาชาอิเราะฮ บิดเบือนให้ความหมายว่า และพระองค์คือผู้ทรงซ่อนเร้น ฉะนั้นไม่มีสิ่งใดเลยอยู่ใต้พระองค์
......
เป็นการบิดเบือนโดยให้ความหมาย “ไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้” เพื่อปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ –นะอูซุบิลละฮ
คำว่า الْبَاطِنُอัลบาฏิน เป็นพระนามหนึ่งจากพระนาม ทั้ง ๙๙ ของอัลลอฮ แปลว่า ผู้ทรงเร้นลับ 
ดังที่อัลลอฮตาอาลาตรัสว่า 
هُوَ الْأَوَّلُ وَالْآخِرُ وَالظَّاهِرُ وَالْبَاطِنُ ۖ وَهُوَ بِكُلِّ شَيْءٍ عَلِيمٌ 
พระองค์ทรงเป็นองค์แรกและองค์สุดท้าย และทรงเปิดเผยและทรงเร้นลับ และพระองค์เป็นผู้ทรงรอบรู้ทุกสิ่งทุกอย่าง 
อบนุญะรีร ปราชญตัฟสีรยุคสะลัฟอธิบายว่า

وَقَوْلُهُ : ( وَالظَّاهِرُ ) يَقُولُ : وَهُوَ الظَّاهِرُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ دُونَهُ ، وَهُوَ الْعَالِي فَوْقَ كُلِّ شَيْءٍ ، فَلَا شَيْءَ أَعْلَى مِنْهُ . ( وَالْبَاطِنُ ) يَقُولُ : وَهُوَ الْبَاطِنُ جَمِيعَ الْأَشْيَاءِ ، فَلَا شَيْءَ أَقْرَبَ إِلَى شَيْءٍ مِنْهُ ، كَمَا قَالَ : ( وَنَحْنُ أَقْرَبُ إِلَيْهِ مِنْ حَبْلِ الْوَرِيدِ ) .

และคำตรัสของพระองค์ที่ว่า (และทรงเปิดเผย) หมายความว่า “และพระองค์ผู้ทรงเปิดเผย บนทุกสิ่งอื่นจากพระองค์และพระองค์ทรงสูง เหนือทุกสิ่ง ไม่มีสิ่งใดๆสูงกว่าพระองค์ (และทรงเร้นลับ) หมายความว่า พระองค์ คือ ผู้ทรงเร้นลับ แก่บรรดาสิ่งต่างๆทั้งหมด ,ไม่มีสิ่งใด ใกล้ชิดสิ่งใดๆยิ่งกว่าพระองค์ ดังที่ทรงตรัสว่า (และเรานั้นใกล้ชิดเขายิ่งกว่าเส้นเลือดชีวิตของเขาเสียอีก) – ดูตัฟสีรอัฏฏอบะรีย์ ๒๓/๑๖๙ 
อิหม่ามอิบนุกะษีร กล่าวว่า 
وَقَالَ الْبُخَارِيُّ : قَالَ يَحْيَى : الظَّاهِرُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ عِلْمًا وَالْبَاطِنُ عَلَى كُلِّ شَيْءٍ عِلْمًا 
และอัลบุคอรีย์ กล่าวว่า “ยะหยา กล่าวว่า “ ผู้ทรงเปิดเผย คือ บนทุกสิ่ง(ที่เปิดเผยนั้น)พระองค์ทรงรู้ และผู้ทรงเร้นลับ คือ บนทุกสิ่ง(ที่เร้นลับนั้น) พระองค์ทรงรู้ 
- ดูตัฟสีร อิบนุกะษีร ๘/๖

ชัยคุลอิสลามอิบนุตัยมียะฮ อธิบายว่า 
وَالظَّاهِرُ} قَالَ: فَوْقَ كُلِّ شَيْءٍ {وَالْبَاطِنُ} قَالَ: أَقْرَبُ مِنْ كُلِّ شَيْءٍ؛ وَإِنَّمَا نَعْنِي بِالْقُرْبِ بِعِلْمِهِ وَقُدْرَتِهِ وَهُوَ فَوْقَ عَرْشِهِ 
และ อัซซอฮีร(الظاهر ) คือ อยู่เหนือทุกสิ่ง และ อัลบาฏิน (الباطن ) คือ ใกล้ชิดทุกๆสิ่ง ความจริงเราหมายถึง ใกล้ชิดด้วยความรู้และอำนาจของพระองค์ และพระองค์ อยู่เหนืออะรัช ของพระองค์ – มัจญมัวะฟะตาวา ๕/๔๙๘

คำว่า 
فليس دونك شيء 
อาชาอิเราะ แปลบิดเบือนว่า ไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้พระองค์ท่าน 
เป็นการแปลเพื่อปฏิเสธว่า อัลลอฮไม่ได้อยู่เบื่องบน นะอูซุบิลละฮ 
ความจริงความหมายของมัน คือ

ومعنى قوله صلى الله عليه وسلم ;فليس دونك شيء; أي فليس شيء أقرب إلى شيء منه , 
ความหมายของคำพูดนบี ศอ็ลฯ ที่ว่า (ไม่มีสิ่งใดอื่นจากพระองค์ท่าน) หมายถึง ไม่มีสิ่งใด ใกล้ชิด สิ่งใดๆยิ่งกว่าพระองค์ 
ดังคำอธิบายอิบนุญะรีรที่ว่า

( وَالْبَاطِنُ ) يَقُولُ : وَهُوَ الْبَاطِنُ جَمِيعَ الْأَشْيَاءِ ، فَلَا شَيْءَ أَقْرَبَ إِلَى شَيْءٍ مِنْهُ 
และ(الباطن) หมายความว่า พระองค์ คือ ผู้ทรงเร้นลับ แก่บรรดาสิ่งต่างๆทั้งหมด ,ไม่มีสิ่งใด ใกล้ชิดสิ่งใดๆยิ่งกว่าพระองค์ 
..................

อาชาอิเราะฮบางกลุ่มพยายามสุดๆที่จะนำเอาหลักฐานมาชงเพื่อให้เข้ากับความเชื่อตัวเองในการปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ

ส่วน ในหนังสือ อัลฟุตูฮาต อัรรอ็บบานียะฮ เล่ม 3 หน้า 151 ของ มุหัมหมัด บิน อะลาน อัศเศาะดีกีย์ อัชชาฟิอีย์ และเป็นปราชญ์อาชาอิเราะฮ เสียชีวิต ปี ฮ.ศ 1057 อธิบายว่า

(قوله فليس دونك شيء) أى لاشىء ألطف منك ولا أرفق

คำพูดของท่านนบีที่ว่า(ไม่มีสิ่งใดอื่นจากพระองค์) หมายถึง ไม่มีสิ่งใด อ่อนโยนและมีความประณีต ยิ่งกว่าพระองค์ท่าน –ดู อัลฟุตูฮาตอัรร็อบบานียะฮ อะลัลอัซกาซอันนวาวียะฮ เล่ม 3 หน้า 151 (ตามสำเนาที่แนบมา)

จึงถามอาชาอิเราะฮ ที่ฟิตนะฮ พี่น้องมุสลิมที่เห็นต่างว่า “ทำไมไม่เอาความหมายข้างต้น ?

ส่วน อัลมุบาเราะกะฟูรีย์(ร.ฮ) อธิบายว่า

وَالْبَاطِنُ أَيِ الَّذِي حَجَبَ أَبْصَارَ الْخَلَائِقِ عَنْ إِدْرَاكِكَ فَلَيْسَ دُونَكَ شَيْءٌ أَيْ لَا يَحْجُبُكَ شَيْءٌ عَنْ إِدْرَاكِ مَخْلُوقَاتِكَ

และอัลบาฏิน หมายถึง ผู้ซึ่ง ทรงซ่อนเร้น การเห็นของบรรดามัคลูค จากการรับรู้พระองค์ท่าน(คือซ่อนเร้นจากการเห็น) ดังนั้น (คำว่า)(ไม่มีสิ่งใดอื่นจากพระองค์ท่าน) หมายถึง ไม่มีสิ่งใด ปิดกั้น/ซ่อนเร้น พระองค์ท่าน จากการรู้ของพระองค์ท่าน ต่อบรรดาสิ่งที่ถูกสร้างทั้งหลาย ของพระองค์ท่าน– ดูตุหฟะตุลอะหวะซีย์ เล่ม 9 หน้า 342- 345 หะดิษหมายเลข 3460 เรื่อง كتاب الدعوات
..............

@@@@@@
จากหลักฐานที่กล่าวมาทั้งหมด จะเห็นได้ว่า บรรดาอาชาอิเราะฮที่มีแนวคิดญะฮมียะฮ ปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮ ด้วยการบิดเบือน ความหมายคำว่า “َلَيْسَ دُونَكَ شَيْء โดยแปลว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ใต้อัลลอฮ ก็เพื่อปฏิเสธ การอยู่เบื่องสูงของอัลลอฮ ทั้งๆที่ความหมายจริงๆ หาได้เป็นเช่นนั้นไม่ ดังที่ระบุรายละเอียดข้างต้น และพระนามของอัลลอฮ ที่ว่า الباطن (ผู้ทรงซ่อนเร้น) ไม่ใช่พระนามที่มีความหมายปฏิเสธการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮแต่ปราการใด แม้จะมีพวกอาชาอิเราะฮบางกลุ่มพยายามชงให้เป็นตามที่ตัวเองต้องการก็ตาม และหลักฐานการอยู่เบื้องสูงของอัลลอฮมีมากหมายแต่คนที่เอาตรรกทางปัญญาเป็นศาสนา กลับทิ้งไว้เบื้องหลัง
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
20/5/60