วันจันทร์ที่ 22 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

อยากกินบุญบ้านคนตายทำไมต้องโกหกใส่นบี




อยากกินบุญบ้านคนตายทำไมต้องโกหกใส่นบี
Al-Yafaie Bin-nazaie
7 ชม.
ท่านนาบีคือบุคคลแรกที่ถูกเชิญร่วมรับประทานอาหารบ้านญาติคนตาย..
@@@@
ไปเจอการโฆษณาชวนเชื่อและโกหก แอบอ้างนบี ของผู้รู้เพจอาชาอิเราะฮ แล้ว รู้สึกหดหู่ อยากจะกินอาหารบ้านผู้ตายถึงขนาดโกหกแอบอ้างนบี ศอ็ลฯเชียวหรือ
หลักฐานเฎาะอีฟที่เป็นหลักฐานอาชาอิเราะฮสายกินบุญคือ
عَنْ عَاصِمِ بْنِ كُلَيْبٍ عَنْ أَبِيْهِ عَنْ رَجُلٍ مِنَ اْلأَنْصَارِ قَالَ : خَرَجْنَا مَعَ رَسُوْلِ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ فِىْ جَنَازَةٍ، فَرَأَيْتُ رَسُوْلَ اللَّـهِ صَلَّى اللَّـهُ عَلَيْهِ وَسَلَّمَ وَهُوَ عَلَى الْقَبْرِ يُوْصِى الْحَافِرَ يَقُوْلُ : أَوْسِعْ مِنْ قِبَلِ رِجْلَيْهِ، أَوْسِعْ مِنْ قِبَلِ رَأْسِهِ، فَلَّمَا رَجَعَ إِسْتَقْبَلَهُ دَاعِى امْرَأَتِهِ فَأَجَابَ وَنَحْنُ مَعَهُ، فَجِىْءَ بِالطَّعَامِ فَوَضَعَ بَدَهُ ثُمَّ وَضَعَ الْقَوْمُ فَأَكَلُوْا …… اَلْحَدِيْثَ رَوَاهُ أَبُوْ دَاوُدَ وَالْبَيْهَقِىُّ فِىْ (( دَلاَئِلِ النُّبُوَّةِ ))
จากท่านอาศิม บิน กุลัยบ์ จากบิดาของท่าน, จากชายชาวอันศอรฺ (มะดีนะฮ์) คนหนึ่งซึ่งกล่าวว่า … “พวกเราได้ออกไป (เพื่อฝัง) ผู้ตายคนหนึ่งพร้อมกับท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม, แล้วฉันเห็นท่านรอซู้ลุลลอฮ์ ศ็อลลัลลอฮุ อะลัยฮิวะซัลลัม นั่งที่บนขอบหลุม คอยสั่งคนขุดหลุมว่า ท่านจงขยายด้านปลายเท้าทั้งสองของเขาให้กว้างอีกนิดซิ, .. ให้ขยายด้านศีรษะของเขาให้กว้างอีกหน่อยซิ … เมื่อท่านเดินทางกลับ ก็มี ผู้หญิงของเขา (หมายถึงภรรยาของผู้ตาย) ให้คนมาเชิญท่าน (ไปที่บ้าน) ท่านก็รับคำ ซึ่งพวกเราก็ไปกับท่านด้วย, แล้วมีการยกเอาอาหารมาวางไว้ ท่านก็เอามือหยิบอาหารและผู้คนก็หยิบอาหาร แล้วทั้งหมดก็ร่วมกินอาหารนั้น …. (จนจบหะดีษ) …
((บันทึกรายงานโดย ท่านอบู ดาวูด และท่านอัล-บัยฮะกีย์ ในหนังสือ “ดะลาอิ ลุ้ล นุบูวะฮ์))…
((บันทึกรายงานโดย ท่านอบู ดาวูด และท่านอัล-บัยฮะกีย์ ในหนังสือ “ดะลาอิ ลุ้ล นุบูวะฮ์))
@@@@
หะดิษข้างต้น ได้มีผู้ชี้แจงมานานแล้วว่าเฎาะอีฟ แต่แทนที่คนกลุ่มนี้กลับทบทวนข้อเท็จจริง กลับมีอาการหนักขึ้น ถึงขนาดประกาศว่า "นบีเป็นคนแรกที่กินอาหารบ้านผู้ตาย- นาอูซุบิลละฮ
ข้อชี้แจงอีกครั้งดังนี้
1. ข้อความที่ว่า .. : إِسْتَقْبَلَهُ دَاعِى امْرَأَتِهِ ซึ่งแปลว่า .. “ผู้หญิง (ภรรยา) ของเขา (คือของผู้ตาย) เป็นข้อความที่ถูกเพิ่มเติม สรรพนามฮา เข้าไป
เพราะข้อความที่รายงานโดยบุคคลต่อไปนี้ "ไม่มี สรรพนามฮา มาประกอบกับคำว่า مْرَأَةٍ
1.ท่านอบู ดาวูด ในหนังสือ “อัส-สุนัน” หะดีษที่ 3332
2. ท่านอัล-บัยฮะกีย์ ในหนังสือ “ดะลาอิลุ้ล นุบูวะฮ์” เล่มที่ 6 หน้า 310, พิมพ์ที่สำนักพิมพ์ดารุลกุตุบ อัล-อิลมียะฮ์, กรุงเบรุต
3.ท่านอิหม่ามอะห์มัด ในหนังสือ “อัล-มุสนัด” เล่มที่ 5 หน้า 293
4. ท่านอัด-ดารุกุฏนีย์ ในหนังสือ “อัส-สุนัน” เล่มที่ 4 หน้า 286
ถ้าไปตรวจสอบดูหะดีษบทนี้จากหนังสือต้นฉบับตามที่ระบุนามมาทั้ง 4 เล่มแล้ว ปรากฏว่า ทุกเล่ม ไม่มีคำสรรพนาม هِ (ฮาสระอี) ที่แปลว่า “ของเขา” ระบุเอาไว้เลยแม้แต่เล่มเดียว, รวมทั้งหนังสือ “คัดลอก” ทั้งหมดที่ผมกล่าวมาเมื่อตะกี้นี้ ก็ไม่มีเล่มใดระบุสรรพนามว่า “ของเขา” เอาไว้เช่นเดียวกัน …(ดูตัวอย่างที่ยกสำเนาหนังสือที่ยกมา 1 เล่ม คือ ดะลาอิลุ้ล นุบูวะฮ์” เล่มที่ 6 หน้า 310, ขอให้ผู้อานสังเกตุดู)
มิหนำซ้ำ ในการบันทึกของท่านอะห์มัดและท่านอัด-ดารุกุฏนีย์ จะมีข้อความขยายเพิ่มเติมว่า .. “ผู้หญิง ชาวกุเรช คนหนึ่ง ให้คนมาเชิญท่านนบีย์ไป
1. ในสุนันอัลกุบรอ ของอัลบัยฮะกีย์ เล่ม 6 หน้า 161 หะดิษหมายเลข 11528 كتاب الغصب มีสำนวนดังนี้
صَنَعَتِ امْرَأَةٌ مِنَ الْمُسْلِمِينَ مِنْ قُرَيْشٍ لِرَسُولِ اللَّهِ -صلى الله عليه وسلم- طَعَامًا فَدَعَتْهُ وَأَصْحَابَهُ
ผู้หญิงมุสลิมคนหนึ่งจากชาวกุเรช ทำอาหารให้แก่รซูลลุลลอฮ แล้วนางได้เชิญท่านนบีและบรรดาสาวกของท่านนบี -
ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ
......
ไม่ได้ระบุว่าเป็นภรรยาผู้ตาย และท่านนบี ยังไม่ได้กินเข้าไปเพราะท่านทราบว่า เป็นแพะที่ได้มาโดยไม่ได้ขออนุญาตจากเจ้าของ (ดูสำเนาหนังสือ)
2.ในหนังสือ มิรอาตุลมะฟาติห ชัรหมิชกาติลมะศอเบียะ ของ อัลมุบาเราะกะฟูรีย์ เล่ม 5 หน้า 481 ระบุว่า
ورواه الطحاوي في شرح الآثار (ج2:ص320) بلفظ: إن رجلاً من الأنصار كان مع النبي - صلى الله عليه وسلم - في جنازة، فلقيه رسول امرأة من قريش يدعوه إلى الطعام، وهذا كله يدل على أن الصحيح في حديث عاصم بن كليب هذا لفظ "داعي امرأة" منوناً، أي بغير إضافة امرأة إلى الضمير المجرور
และอัฏเฏาะหาวีย์ ได้รายงานใน ชัรหอัลอาษาร (เล่ม 2 หน้า 320) ด้วยสำนวนที่ว่า "แท้จริงชายชาวอันศอร คนหนึ่ง พร้อมกับท่านนบี ศอ็ลฯ ใน(การจัดการญะนาซะฮ แล้วตัวแทนของหญิงคนหนึ่งจากชาวกุเรช ได้มาพบท่านนบี เชิญท่านนบี รับประทานอาหาร "(อัลมุบาเราะกะฟูรียกล่าวว่า) และ ทั้งหมดนี้ แสดงบอกว่า แท้จริงที่ถูกต้องในหะดิษ อาศิม บิน กุลัยบฺ คือ สำนวนนี้ "داعي امرأة"(ผู้เชิญของผู้หญิงคนหนึ่ง) โดยอ่านตันวีน หมายถึง โดยคำว่า "امرأة " ไม่ได้ประกอบกับสรรพนามที่ถูกอ่านญัร -
ในภาพอาจจะมี ข้อความ
..................
จากที่ระบุหลักฐานข้างต้น แสดงให้เห็นว่า ไม่ตัวแทนของภรรยาผู้ตานเชิญท่านนบีไปรับประทานอาหารที่บ้าน
และในหะดิษนี้ ท่านนบี ศอ็ลฯ ไม่ได้กินเข้าไปเพราะพบว่า แพะที่ถูกเชิญไปกินเอามาโดยไม่ได้รับอนุญาตจากเจ้าของ ดังที่ท่านนบี ศอ็ฃฯ กล่าวว่า
أَجِدُ لَحْمَ شَاةٍ أُخِذَتْ بِغَيْرِ إِذْنِ أَهْلِهَا 
ฉันพบว่า เนื้อของแพะ ถูกเอามาโดยไม่ได้รับอนุญาตเจ้าของของมัน 
.....................
เพราะฉะนั้น สรุปว่า การอ้างว่านบีกินอาหารบ้านครอบครัวผู้ตาย เป็นหลักฐานที่มีการเพิ่มเติมข้อความเข้าไป จึงไม่ถูกต้องดังที่ได้ชี้แจง
والله علم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
23/5/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น