วันอาทิตย์ที่ 7 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

การเจาะจงอ่านยาซีน ในคืนนิสฟู ซะอบานเป็นซุนนะห์หรือไม่


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


 ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

การเจาะจงอ่านยาซีน ในคืนนิสฟู ซะอบานเป็นซุนนะห์หรือไม่
การอ่านซูเราะฮยาสีนนั้น เป็นเรื่องดี แต่การไปจำกัดวันและสถานที่ในการอ่าน โดยเชื่อว่ามีความประเสริฐ และได้บุญนั้น ต้องมีหลักฐานที่เป็นสุนนะฮ แต่ในกรณีนี้ไม่มีสุนนะฮให้ปฏิบัติเช่นนั้น ก็ถือว่า การกระทำเช่นนั้นเป็นบิดอะฮ 
เช็คอับดุลอะซีซ บิน บาซ กล่าวว่า
أن الاحتفال بليلة النصف من شعبان بالصلاة أو غيرها، وتخصيص يومها بالصيام بدعة منكرة عند أكثر أهل العلم، وليس له أصل في الشرع المطهر، بل هو مما حدث في الإسلام بعد عصر الصحابة رضي الله عنهم، ويكفي طالب الحق في هذا الباب وغيره قول الله عز وجل: {الْيَوْمَ أَكْمَلْتُ لَكُمْ دِينَكُمْ}[7]، وما جاء في معناها من الآيات، وقول النبي صلى الله عليه وسلم: ((من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد))،
การฉลองคืนนิสฟุชะอฺบาน ด้วยการละหมาด หรืออื่นจากนั้น หรือ กำหนดวันนิสฟุชะอฺบานโดยเฉพาะ ด้วยการถือศีลอด นั้น เป็นบิดอะฮ ที่ต้องห้าม ในทัศนะของนักวิชาการส่วนมาก และไม่มีที่มาจากบทบัญญัติอันบริสุทธิ์ สำหรับมัน ในทางกลับกัน มันเป็นส่วนหนึ่งจากสิ่งที่ ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ในอิสลาม หลังจากสมัยของเหล่าเศาะหาบะฮ เราะฎิยัลลอฮุอันฮุม และผู้ที่แสวงหาสัจธรรม พอเพียงในเรื่องนี้และเรื่องอื่นจากมัน กับคำตรัสของอัลลอฮ ผู้ทรงสูงส่งและทรงเลิศยื่งที่ว่า (วันที่ข้าได้ให้ศาสนาของพวกเจ้าสมบูรณ์สำหรับพวกเจ้าแล้ว)และสิ่งที่มีมาในความหมายของมัน จากบรรดาอายาตต่างๆ และคำพูดของ ท่านนบี ศอ็ลฯที่ว่า (ผู้ใดปรดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมาในกิจการ(ศาสนา)ของเรานี้ สิ่งซึ่ง ไม่ได้มาจากมัน มันถูกปฏิเสธ(ไม่ถูกตอบรับ) - มัจญมัวะฟะตาวา วะมะกอลาต มุตะเนาวิฮะฮ เล่ม 6 หน้า 191
มีผู้ถามเกี่ยวกับการอ่านยาสีนและทำเมาลิดในคืนนิสฟุชะบาน ทางสภาอุลามาอฮ หรือคณะกรรมการถาวรเพื่อการวิจัยและตอบปัญหาของประเทศซาอุดีอาราเบียตอบว่า
هذا من البدع، وقد ثبت عن رسول الله صلى الله عليه وسلم أنه قال: «من أحدث في أمرنا هذا ما ليس منه فهو رد» (*)، وقوله في الحديث: «وإياكم ومحدثات الأمور، فإن كل محدثة بدعة، وكل بدعة ضلالة».
والعبادات مبناها على الأمر والنهي والاتباع، وهذا العمل لم يأمر به رسول الله صلى الله عليه وسلم، ولم يفعله ولا فعله أحد من الخلفاء الراشدين ولا من الصحابة والتابعين
นี่คือ ส่วนหนึ่งจากบรรดาบิดอะฮ และแท้จริงได้มีรายงานหะดิษยืนยันจากรซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ว่าท่านกล่าวว่า (ผู้ใดปรดิษฐ์สิ่งใหม่ขึ้นมาในกิจการ(ศาสนา)ของเรานี้ สิ่งซึ่ง ไม่ได้มาจากมัน มันถูกปฏิเสธ(ไม่ถูกตอบรับ) และ คำพูดของท่านนบี ในหะดิษที่ว่า (พวกท่านพึงระวัง บรรดาสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่ เพราะแท้จริง ทุกสิ่งที่ถูกประดิษฐขึ้นใหม่นั้นคือบิดอะฮ และทุกๆบิดอะฮคือการหลงผิด)
และบรรดาอิบาดะฮนั้น ที่ตั้งของมัน อยู่บน คำสั่งใช้,คำสั่งห้ามและการปฏิบัติตาม และ การกระทำนี้ รซูลุลลอฮ ศอ็ลฯ ไม่ได้สั่ง และไม่ได้ปฏิบัติมัน และไม่มีคนใดๆจากบรรดาเคาะลิฟะฮรอชิดีน ปฏิบัติมัน และไม่มีจากเศาะฮาบะฮและบรรดาตาบีอีน - ดู ฟัตวาอัลลุจญะนะฮอัดดาอิมะฮฯ หมายเลข 2222 เล่ม 3 หน้า 43-44
..............
เรื่องของการทำอิบาดะฮในอิสลาม ต้องวางอยู่บนหลักการของ คำสังใช้ และคำสั่งห้ามจากศาสนบัญญัติ แล้วปฏิบัติตาม การเจาะจงทำอิบาดะฮในคืนนิสฟุชะอบานเป็นการเฉพาะ ไม่มีคำสอนจากศาสนา มีแต่ความคิดเห็น
ท่านอิบนุกะษีรฺ ได้กล่าวถึงหลักการเกี่ยวกับอิบาดะฮว่า
وَبَابُ الْقُرَبَاتِ يُقْتَصَرُ فِيْهِ عَلَى النُّصُوْصِ، وَلاَ يُتَصَرَّفُ فِيْهِ بِأَنْوَاعِ اْلأَقْيِسَةِ وَاْلآرَاءِ
“และในเรื่องของ อัลกุรบาต(เรื่องการแสดงความใกล้ชิดกับอัลลอฮ์) จะถูก “จำกัดตามตัวบท” เท่านั้น จะไปแปรเปลี่ยนมันตามการอนุมานเปรียบเทียบต่างๆ(กิยาส)หรือแนวคิดต่างๆไม่ได้ -ตัฟซีรฺ อิบนุกะษีรฺ” เล่มที่ 4 หน้า 276
..........
ข้อเขียนข้างต้น เป็นหลักการของผู้ที่ ยึดกิตาบุลลอฮและสุนนะฮ เป็นบรรทัดฐานในการประกอบศาสนากิจ ใครจะเชื่อ หรือไม่ ใครจะยอมรับหรือไม่ มันเป็นเรืองของพวกท่านผู้เขียนไม่ได้บังคับให้ใครเชื่อ ขอให้เข้าใจตามนี้ด้วย
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
8/5/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น