วันอาทิตย์ที่ 21 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เมื่อละแบนำวิชาการมาชงเพื่อสนับสนุนการกินอาหารบ้านผู้ตาย






ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ


ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ



เมื่อละแบนำวิชาการมาชงเพื่อสนับสนุนการกินอาหารบ้านผู้ตาย
Abdulhaleem Matraksa กับ ตาชั่ง พิทักษ์ความยุติธรรม และคนอื่นๆ อีก 8 คน
เมื่อวานนี้ เวลา 22:16 น. · 
بسم اللّه الرحمن الرحيم
หากญาติพี่น้องคนตายที่อยู่ต่างจังหวัดมาเยี่ยมเยียนและปลอบใจญาติผู้ตาย สิ่งที่เหมาะสมสำหรับญาติเหล่านั้นคือต้องไปหาอาหารกินที่อื่นจากบ้านคนตายใช่หรือไม่???หรือต้องพกพาอาหารมาเอง????ซึ่งมีคำตอบดังนี้
และอิหม่ามซายูฏีย์ ได้เล่ามาในหนังสือ مطالب أولى النهى (มะตอลิบุเอาลันนุฮา) และอิบนุกุดดามะฮฺได้เล่ามาในหนังสือ المغني (อัลมุฆนีย์) ว่า
وأضاف الحنابلة : أنه إذا كان المجتمعون عند أهل الميت ضيوفا فلا يكره صنع أهل الميت أو غيرهم طعاما لهم قالوا: إن دعت الحاجة إلى ذلك جاز، فإنه ربما جاءهم من يحضر ميتهم من القرى البعيد ويبيت عندهم فلا يمكن إلا أن يطعموه
.......
:مطالب أولى النهى للسيوطي. ص 930-929 
:المغني لابن قدامة. ص 551-550
:และนักวิชาการมัสหับฮัมบาลีได้กล่าวพาดพิงว่า:แท้จริงแล้วเมื่อมีเหล่าผู้ที่มาชุมนุมกัน ณ ครอบครัวผู้ตายในลักษณะที่พวกเขาเป็นแขก แน่นอนว่าจะไม่มักโคระ(ถูกรังเกียจ)ต่อการทำอาหารจากครอบครัวผู้ตาย หรือจากบุคคลอื่นจากพวกเขา ให้กับแขกเหล่านั้น
และเหล่านักวิชาการมัสหับฮัมบาลีกล่าวว่า: เมื่อมีความจำเป็นต้องเลี้ยงอาหารดังกล่าว แน่นอนว่าจะอนุญาติให้ทำได้ เพราะแท้จริงแล้วบางครั้งผู้ที่อยู่บ้านเมืองไกลๆที่มาหาผู้ตาย ได้มายังครอบครัวผู้ตายและนอนค้างคืนกับพวกเขา ดังนั้นจึงเป็นไปไม่ได้ยกเว้น ต้องเลี้ยงอาหารกับเขา(แขกผู้ที่มายังครอบครัวผู้ตาย)
@@@@@
ชี้แจง
การนำเอาข้ออ้างและเหต่ผลข้างต้น ที่บอกว่า ครอบครัวผู้ตายเลี้ยงแขกได้ หรือคนมาจากแดนใกลมาพักแรมบ้านผู้ตายและกินอาหารบ้านผู้ตาย นี้คือ เรื่องปกติของมารยาทในการต้อนรับแขก 
แต่ ..ละแบที่อยากกินบุญคนตาย กลับเอามาเป็นข้ออ้างพิธีกรรมการทำบุญเนื่องจากการตาย 3 วัน 7 วัน 40 วัน 100 วัน โดยการเชิญโต๊ะละแบมาร่วมกันกินอาหารที่บ้านผู้ตาย แล้วมีการตอบแทน ด้วยการ ตะฮลีล ,อัลกุรอ่าน จบด้วยการดูอา อุทิศบุญให้คนตาย ซึ่งมันเป็นคนละบริบทกัน จะเอามาเป็นข้ออ้างในเรื่อง การที่ครอบครัวผู้ตายทำอาหารแล้วเชิญละแบมาชุมนุมกันกันไม่ได้
อัลบะฮูตีย์ (ปราชญ์มัซฮับฮัมบะลี)กล่าวว่า
وَيَنْوِي فِعْلَ ذَلِكَ لِأَهْلِ الْمَيِّتِ ( لَا لِمَنْ يَجْتَمِعُ عِنْدَهُمْ ، فَيُكْرَهُ ) لِأَنَّهُ مَعُونَةٌ عَلَى مَكْرُوهٍ ، وَهُوَ اجْتِمَاعُ النَّاسِ عِنْدَ أَهْلِ الْمَيِّتِ نَقَلَ الْمَرُّوذِيُّ عَنْ أَحْمَدَ هُوَ مِنْ أَفْعَالِ الْجَاهِلِيَّةِ ، وَأَنْكَرَ شَدِيدًا ، وَلِأَحْمَدَ وَغَيْرِهِ عَنْ جَرِيرٍ وَإِسْنَادُهُ ثِقَاتٌ قَالَ : " كُنَّا نَعُدُّ الِاجْتِمَاعَ إلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنْعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ النِّيَاحَةِ "
.
และให้เขาเนียตการกระทำดังกล่าว(การเลี้ยงอาหาร) ให้แก่ครอบครอบครัวผู้ตาย (ไม่ใช่ให้แก่ผู้ที่มาชุมนุม ณ ที่พวกเขา (หมายถึงที่ครอบครัวผู้ตาย)เพราะเป็นมักรูฮ(เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ) เพราะแท้จริง มันเป็นการข่วยเหลือ บนสิ่งที่เป็นมักรูฮ คือ การชุมนุมของบรรดาผู้คน ที่ครอบครัวผู้ตาย ,อัลมัรวะซีย์ ได้รายงานจากอะหมัดว่า (เขากล่าวว่า) มันคือ ส่วนหนึ่งจากการกระทำของพวกญาฮิลียะฮ และเขาได้คัดค้านอย่างรุนแรง และรายงานของอะหมัดและคนอื่นจากเขา จากญะรีร ด้วยสายรายงานที่เชื่อถือได้ กล่าวว่า (พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกัน ที่ครอบครัวผู้ตาย และทำอาหารเลี้ยงกันหลังจากมัน (หลังจากการตาย)นั้น เป็นส่วนหนึ่งจากอัลนิยาหะฮ(หมายถึง การร้องให้คร่ำครวญถึงผู้ตายที่ต้องห้าม) – - ดู กัชชาฟุลกินาอฺ ของอัลบะฮูตีย์ เล่ม 2 กิตาบุลญะนาอิซ
ในหนังสืิอ อัลเมาสูอะฮ อัลฟิกฮียะฮ เล่ม 16 หน้า 44 ระบุว่า
وَاتَّفَقَ الْفُقَهَاءُ عَلَى أَنَّهُ تُكْرَهُ الضِّيَافَةُ مِنْ أَهْل الْمَيِّتِ ؛ لأِنَّهَا شُرِعَتْ فِي السُّرُورِ ، لاَ فِي الشُّرُورِ..
และบรรดาฟุเกาะฮฮาอฺ(บรรดานักกฏหมายอิสลาม) ได้เห็นฟ้องกันว่า การรับรองแขก(โดยการเลี้ยงอาหาร)จากฝ่ายครอบครัวผู้ตาย นั้นเป็นมักรูฮ (เป็นสิ่งที่น่ารังเกียจ) เพราะแท้จริง มัน(การเลี้ยงอาหาร)นั้น ถูกบัญญัติให้ปฏิบัติ ในโอกาสที่มีความสุข ไม่ใช่ในโอกาสที่มีความทุกข์
وَصَرَّحَ الْحَنَابِلَةُ بِأَنَّهُ يُكْرَهُ الأْكْل مِنْ طَعَامِ أَهْل الْمَيِّتِ ، فَإِنْ كَانَ مِنْ تَرِكَةٍ وَفِي مُسْتَحِقِّيهَا مَحْجُورٌ عَلَيْهِ : حُرِّمَ فِعْلُهُ ، وَالأْكْل مِنْهُ .
และปราชญมัซฮับอัลหะนาบะละฮ ได้ชี้แจงว่า การกินอาหารของครอบครัวผู้ตายนั้น เป็นมักรูฮ (เป็นที่น่ารังเกียจ) แล้วถ้ามันเป็นส่วนหนึ่งจากทรัพย์สินที่ผู้ตายทิ้งไว้ และในผู้มีสิทธิ์ของมัน ถูกห้ามไม่ให้ใช้จ่าย บนเขาผู้นั้น การกระทำมัน และการรับประทานจากมัน ได้ถูกห้าม 
ท่านอิบนุ กุดามะฮ์ ได้กล่าวในหนังสือ “อัล-มุฆนีย์” เล่มที่ 2 หน้า 413 ว่า …

فَأَمَّا صُنْعُ أَهْلِ الْمَيِّتِ طَعَامًا لِلنَّاسِ ، فَمَكْرُوهٌ ; لِأَنَّ فِيهِ زِيَادَةً عَلَى مُصِيبَتِهِمْ ، وَشُغْلًا لَهُمْ إلَى شُغْلِهِمْ ، وَتَشَبُّهًا بِصُنْعِ أَهْلِ الْجَاهِلِيَّةِ . وَرُوِيَ أَنَّ جَرِيرًا وَفَدَ عَلَى عُمَرَ ، فَقَالَ : هَلْ يُنَاحُ عَلَى مَيِّتِكُمْ ؟ قَالَ : لَا . قَالَ : فَهَلْ يَجْتَمِعُونَ عِنْدَ أَهْلِ الْمَيِّتِ ، وَيَجْعَلُونَ الطَّعَامَ ؟ قَالَ : نَعَمْ . قَالَ : ذَاكَ النَّوْحُ
“อนึ่ง การที่ครอบครัวผู้ตายปรุงอาหารขึ้นมาให้ประชาชน(รับประทานกัน) นั้น ถือว่า เป็นเรื่องน่ารังเกียจ, เนื่องจากมันเป็นการซ้ำเติมเคราะห์กรรมของพวกเขามากยิ่งขึ้น ซ้ำยังเป็นการเพิ่มภาระพวกเขาซึ่งหนักอยู่แล้วให้หนักเข้าไปอีก และยังเป็นการลอกเลียนการกระทำของพวกญาฮิลียะฮ์อีกด้วย, มีรายงานมาว่า ท่านญะรีรฺ (บิน อับดุลลอฮ์ อัล-บะญะลีย์) ร.ฎ. ได้มาหาท่านอุมัรฺ (อิบนุล ค็อฏฏอบ ร.ฎ.) แล้วท่านอุมัรฺถามว่า .. เคยมีการนิยาหะฮ์ (คร่ำครวญอย่างหนัก) ให้แก่ผู้ตายของพวกท่านบ้างไหม ? ท่านญะรีรฺก็ตอบว่า ไม่เคย, .. ท่านอุมัรฺก็ถามต่อไปอีกว่า .. แล้วเคยมีการไปชุมนุมกันที่บ้าน/ครอบครัวผู้ตาย และมีการปรุงอาหารเลี้ยงกันไหม ? ท่านญะรีรฺตอบว่า เคยครับ, ท่านอุมัรฺก็บอกว่า … นั่นแหละคือการนิยาหะฮ์ (อันเป็นเรื่องต้องห้าม) ....
................
ส่วนในกรณีความจำเป็นที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ ท่านอิบนุกุดามะฮ กล่าวว่า
. وَإِنْ دَعَتْ الْحَاجَةُ إلَى ذَلِكَ جَازَ ; فَإِنَّهُ رُبَّمَا جَاءَهُمْ مَنْ يَحْضُرُ مَيِّتَهُمْ مِنْ الْقُرَى وَالْأَمَاكِنِ الْبَعِيدَةِ ، وَيَبِيتُ عِنْدَهُمْ ، وَلَا يُمْكِنُهُمْ إلَّا أَنْ يُضَيِّفُوهُ .
และถ้าหาก ความจำเป็นเรียกร้อง ให้กระทำดังกล่าวนั้น ก็อนุญาต เพราะแท้จริง บางที ผู้ที่มายังพวกเขา (มายังครอบครัวผู้ตาย) คือ ผู้ที่มาจากหมู่บ้านต่างๆและบรรดาสถานที่อันห่างใกล และพักแรม ณ ที่พวกเขา และ เขาทำให้พวกเขาไม่สามารถหลีกเลี่ยงได้ นอกจาก พวกเขาต้องรับเขาผู้นั้นเป็นแขก (หมายถึงต้องเลี้ยงในฐานะแขกมาเยี่ยม) - อัลมุฆนีย์ ที่อ้างแล้ว
>>>>
ในกรณีนี้ เป็นเหตุจำเป็น เพราะผู้มาเยี่ยม ครอบครัวผู้ตาย เขามาจากถิ่นห่างใกล ต้องนอนที่ครอบครัวผู้ตาย และ เจ้าบ้านก็ต้องเลี้ยงดูในฐานนะแขก จะเอากรณีนี้มาเป็นช่องทางเพื่อจัดเลี้ยงคนทั่วไปไม่ได้ และจะเอาเป็นช่องทางทำบุญเนืองจากการตาย 3 วัน 7 วัน 40 วัน 100 วันตามประเพณีที่ทำกันไม่ได้ หวังว่า ท่านโต๊ะครู Abdulhaleem Matraksa แห่งสะบ้าย้อย หยุดนำข้ออ้างกรณีนี้ ส่งเสริมคนอาวามให้ทำสิ่งที่เป็นอุตริกรรมแบบนี้อีก
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
21/5/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น