วันศุกร์ที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2560

เมื่อละแบเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐานทำบุญเนื่องจากการตาย




ไม่มีข้อความกำกับภาพอัตโนมัติ

ในภาพอาจจะมี ข้อความ
ในภาพอาจจะมี ข้อความ


 ในภาพอาจจะมี ข้อความ

เมื่อละแบเอาหะดิษเฎาะอีฟมาเป็นหลักฐานทำบุญเนื่องจากการตาย
Abdulhaleem Matraksa
และยังมีรายงานจากการกระทำของซอฺาบ่ะที่มามุอัยยิดสนับสนุนถึงเรื่องนี้เช่นกัน
قال : كنت أسمع عمر يقول : لا يدخل أحد من قريش فى باب إلا دخل معه ناس ، فلا أدرى ما تأويل قوله حتى طعن عمر فأمر صهيبا أن يصلى بالناس ثلاثا ، وأمر أن يجعل للناس طعاما فلما رجعوا من الجنازة جاءوا وقد وضعت الموائد ، فأسك الناس عنها للحزن الذى هم فيه فجاء العباس بن عبد المطلب ، فقال : ياأيها الناس قد مات...الحديث
" รายงานจากอะหฺนัฟ บิน กัยซฺ เขากล่าวว่า ฉันได้ยินท่านอุมัรกล่าวว่า"คนหนึ่งจากกุร๊อยช์ จะไม่เข้าในประตูหนึ่ง นอกจากว่า ต้องมีผู้คนเข้ามาพร้อมกับเขาด้วย" ดังนั้น ฉันจึงไม่รู้ถึงการตีความคำพูดของท่านอุมัร จนกระทั้ง ท่านอุมัรได้ถูกลอบแทง แล้วท่านอุมัรจึงใช้ให้ ท่านซุฮัยบ์ เป็นอิมามนำละหมาดฟัรดูผู้คน 3 วันด้วยกัน และท่านอุมัรได้ใช้ให้เขาทำอาหารให้แก่บรรดาผู้คน แล้วในขณะที่ผู้คนได้กลับมาจาก(ฝัง)ญะนะซะฮ์ พวกเขาก็ได้มา โดยมีบรรดสำรับอาหารวางอยู่แล้ว แต่บรรดาผู้คนก็งดที่จะรับประทานนั้น อันเนื่องจากความโศรกเศร้าที่พวกเขาเป็นอยู่ ดังนั้นท่าน อัลอับบาส บิน อบูฏอลิบ ก็เข้ามา แล้วกล่าวว่า โอ้บรรดาผู้คนทั้งหลาย แท้จริงเขาใด้เสียชีวิตไปแล้ว......."
@@@@@@
-ชี้แจง
หะดิษข้างต้น สายรายงาน เฎาะอีฟ เพราะมี ผู้รายงานคนหนึ่งชื่อ "อาลี บิน เซด บิน ญุซอาน ความจำไม่ดี - ดู อัลมะฏอลิบ อัลอาลียะฮ เล่ม 5 หน้า 329 อธิบายเชิงอรรถ หมายเลข 833 ตะหกีก บาสิม ฏอฮีร (ดูสำเนาที่แนบมา)
เพื่อให้ชัดเจนยิ่งขึ้น ขอนำรายละเอียด ในการวิจารณ์หะดิษดังนี้
สายรายงานของหะดิษบทนี้มีดังนี้
قال أحمد بن منيع حدثنا يزيد بن هارون ثناحماد بن سلمة عن علي بن زيد عن الحسن عن الأحناف بن قيس قال: كنت أسمع عمر...
บุคคลในสายรายงานหะดิษข้างต้น
1. อะหมัด บิน มะเนียะ
2. ยะซีด บิน ฮารูน
3. หัมหมาด บินสะลีมะฮ
4. อะลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน
5. หะซัน อัลบัศรีย์
6. อะหนาฟ บิน กอ็ยซ์
..........
โต๊ะครู ซุนนะฮสะติวเด้นที่คุณ Abdulhaleem Matraksa คัดลอกมา ระบุว่า หะดิษบทนี้ สายรายงานหะซัน(อยู่ในระดับที่ดี) ไม่ทราบว่า คัดลอกมาผิดหรือเปล่า เพราะ หะดิษนี้จริงๆแล้ว เฎาะอีฟจ๋า เพราะมีจุดบกพร่องต่อไปนี้คือ
1. ผู้รายงานอันดับที่สี่ คือ อะลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน (สิ้นชีวิตในปี ฮ. 131) เป็นผู้รายงานที่เฎาอีฟ ซึ่งท่าน- ท่านอัล-หาฟิซฺ อิบนุหะญัร อัลอัสเกาะลานีย์ เอง กล่าวไว้ใน หนังสือ อัตตักรีบ เล่มที่ 2 หน้า 37
นักวิชาการส่วนมากถือว่า ท่านอาลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน(علي بن زيد بن جدعان ) ผู้นี้ เป็นผู้รายงานหะดิษที่ขาดความเชื่อถือ แม้กระทั้งท่านบุคอรีย์ และท่านอบูหาติม ก็ยังวิจารณ์ว่า
لايحتج به
คือ จะอ้างเขาผู้นี้ มาเป็นหลักฐานไม่ได้ – ดูหนังสือ มีซาลเอียะติดาล เล่ม 3 หน้า 128
علي بن زيد بن جدعان، وهو ضعيف الحديث
อาลีย์ บิน ซัยด บิน ญุดอาน และ เขาคือ ผู้ที่เฏาะอีฟหะดิษ
ดูมุศอ็นนิฟ อิบนุอบีชัยบะฮ เล่ม 6 หน้า 497
2. ผู้รายงานหะดิษอันดับที่ 5 คือ อัลหะซัน อัลบัศรีย์ (สิ้นชีวิตปี ฮ 110) เป็นผู้ที่ได้รับการยกย่องเป็นอย่างสูง แต่ มักจะรายงานหะดิษลักษณะ “ตัดลีซ” คือ อ้างว่าได้รายงานมาจากบุคคลหนึ่ง แต่จริงๆแล้ว ได้รับฟังมาจากบุคคลอื่น ซึ่งถือว่า เป็นจุดบกพร่องอย่างหนึ่ง
3. หะดิษข้างต้น รายงานในรูปแบบ عنعنة คือ ใช้สำนวนจากการรายงานว่า
عن علي بن زيد عن الحسن عن الأحناف بن قيس
จาก ...............จาก..............จาก.......... ทั้งที่ช่วงต้น ใช้สำนวนว่า
حدثنا يزيد بن هارون ثناحماد بن سلمة
ได้เล่าแก่เรา..................ได้เล่าแก่เรา......
หะดิษลักษณะนี้ เรียกว่า เป็น หะดิษมุดัลลัส คือ รายงานลักษณะมั่วนิ่ม อันเป็นหะดิษเฎาะอีฟประเภทหนึ่ง
4. เนื่องจากมีหะดิษบทนี้บทเดียวเท่านั้น ที่อ้างว่า ท่านอุมัร สั่งให้ทำอาหาร ส่วนหะดิษบทอื่นๆที่เศาะเฮียะเกี่ยวกับเรื่อง การฆาตกรรมอุมัร ไม่ปรากฏว่ามีข้อความว่า ท่านอุมัรสั่งให้ทำอาหารเลี้ยง
5. และที่สำคัญที่สุดคือ หะดิษข้างต้นต้นขัดแย้งกับหะดิษยะอฟัรและหะดิษญะรีร ซึ่งเศาะเฮียะและแพร่หลายในหมู่นักวิชาการ
หะดิษญะรีรคือ
عَنْ ‏ ‏جَرِيرِ بْنِ عَبْدِ اللَّهِ الْبَجَلِيِّ ‏ ‏قَالَ ‏
‏كُنَّا نَعُدُّ ‏ ‏الِاجْتِمَاعَ إِلَى أَهْلِ الْمَيِّتِ وَصَنِيعَةَ الطَّعَامِ بَعْدَ دَفْنِهِ مِنْ ‏ ‏النِّيَاحَةِ
رواه أحمد وصححه الألباني في أحكام الجنائز (ص167)
จากญะรีร บินอับดุลลอฮ อัล-บะญะลี กล่าวว่า “ พวกเรานับว่า การไปชุมนุมกันที่ครอบครัวผู้ตายและทำอาหารกินกัน หลังจากที่ฝังมัยยิต เป็นส่วนหนึ่งของการนิยาหะฮ- รายงานโดย อะหมัด อัลบานียได้ระบุว่า เป็นหะดิษเศาะเฮียะ ในหนังสือ อะหกามุ้ลญะนาอิซ หน้า 167
อิหม่ามอัชเชากานีย์ ได้อธิบาย หะดิษญะรีรข้างต้นว่า
قوله‏: ‏ ‏(‏كنا نعد الاجتماع إلى أهل الميت‏)‏ الخ يعني أنهم كانوا يعدون الاجتماع عند أهل الميت بعد دفنه وأكل الطعام عندهم نوعًا من النياحة لما في ذلك من التثقيل عليهم وشغلتهم مع ما هم فيه من شغلة الخاطر بموت الميت وما فيه من مخالفة السنة لأنهم مأمورون بأن يصنعوا لأهل الميت طعامًا فخالفوا ذلك وكلفوهم صنعة الطعام لغيرهم‏
คำพูดของญะรีรที่ว่า (พวกเรานับว่า การชุมนุมที่ครอบครอบผู้ตาย -จนจบ) หมายถึง พวกเขา (เศาะหาบะฮ) นับว่า การชุมนุมที่ครอบครัวผู้ตาย หลังจากฝังมัยยิต และรับประทานอาหารกัน ณ ที่พวกเขา (ครอบครัวมัยยิต) นั้น เป็นประเภทหนึ่ง ของการนิยาหะฮ (ที่ต้องห้าม) เพราะในการกระทำดังกล่าวนั้น เป็นการสร้างภาระให้แก่ครอบครัวมัยยิต และความยุ่งยากแก่พวกเขา พร้อมกับ ความโศกเศ้รา ที่พวกเขาประสบอยู่ เนื่องจากการตายของมัยยิต
และในการกระทำนั้น ขัดต่อสุนนะฮ เพราะพวกเขา ถูกใช้ให้ทำอาหารให้แก่ครอบครัวผู้ตาย แล้วพวกเขาก็ปฏิบัติขัดแย้ง ดังกล่าวนั้น และพวกเขากลับสร้างภาระให้แก่พวกนั้น(ครอบครัวผู้ตาย) ให้ทำอาหาร ให้ผู้อื่นจากพวกเขา (กินกัน) – ดูนัยลุ้ลเอาฏอร เล่มที่ 4 หน้า 110
................
ดังนั้น หะดิษนี้ จึงเฏาอีฟ เราไม่เอามาเป็นหลักฐานกินบุญคนตาย ด้วยประการฉะนี้แหละ แต่ก็มีท่านครูบางคนยังดันทุรังอ้างกับชาวบ้านว่า เป็นหลักฐานเด็ด จนชาวบ้านเชื่อ
_________________
والله أعلم بالصواب
อะสัน หมัดอะดั้ม
19/6/60

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น